Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/12997
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorอรพินท์ แก้วปลั่ง-
dc.contributor.advisorสรรพัชญ์ นามะโน-
dc.contributor.advisorสถาพร สุปรีชากร-
dc.contributor.authorจุฑามาศ จริยวิทยากุล-
dc.contributor.otherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะทันตแพทยศาสตร์-
dc.date.accessioned2010-06-25T08:28:30Z-
dc.date.available2010-06-25T08:28:30Z-
dc.date.issued2550-
dc.identifier.urihttp://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/12997-
dc.descriptionวิทยานิพนธ์ (วท.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2550en
dc.description.abstractการคลายเกลียวของสกรูหลักยึดนั้นถือเป็นปัญหาหนึ่งของการบูรณะด้วยรากเทียม และจากการหลายการศึกษาที่ชี้ให้เห็นถึงผลของแรงบิดขันต่อแรงเริ่มต้นของข้อสกรู การวัดแรงเริ่มต้นนั้นสามารถทำได้หลายวิธีและวิธีหนึ่งคือการวัดค่าแรงบิดย้อนกลับ ถึงแม้ว่าปัจจุบันมีรากเทียมหลายระบบขายอยู่ในท้องตลาด แต่ราคาการบูรณะด้วยรากเทียมนั้นยังค่อนข้างสูง การผลิตรากเทียมใช้ในประเทศเป็นวิธีหนึ่งที่จะสามารถลดปัญหานี้ได้ ซึ่งการวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาผลของแรงบิดขันและการทดสอบความล้าต่อค่าแรงบิดย้อนกลับของสกรูหลักยึดรากเทียมที่ผลิตขึ้นในโครงการวิจัยพัฒนาผลิตรากเทียมและอุปกรณ์ โดยใช้กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 6 กลุ่ม คือกลุ่มที่ 1,2 และ 3 ใช้แรงบิดขัน20,30 และ35 นิวตัน.ซม. ตามลำดับและไม่ผ่านการทดสอบความล้า กลุ่มที่ 4,5 และ6 ใช้แรงบิดขัน 20,30 และ 35 นิวตัน.ซม. ตามลำดับและผ่านการทดสอบความล้า การทดสอบความล้าทำตามข้อกำหนดของสถาบันรองมาตรฐานไอเอสโอ โดยให้แรงทำมุม 30 องศากับแกนตามยาวส่วนยึดตรึง ขนาดแรงที่ใช้ 60 นิวตัน ความถี่ 80 ครั้งต่อนาที จำนวน 1,000,000 รอบ เทียบเท่าการใช้งานในช่องปากนานประมาร 5 ปี ในการวิจัยนี้ใช้ไขควงที่ด้ามจับต่อเข้ากับเครื่องวัดแรงบิดโทนิชิเพื่อควบคุมให้ได้แรงบิดขันตามที่กำหนด และทำการคลายเกลียวสกรูเพื่อวัดแรงบิดย้อนกลับด้วยไขควงที่ด้ามจับต่อเข้ากับเครื่องวัดแรงบิดแล้วทำการอ่านค่า ทำการวัดค่าของกลุ่มที่ 1 -3 หลังจากขันสกรูผ่านไปเป็นเวลา 24 ชม.และทำการวัดค่าของกลุ่มที่ 4-6 หลังจากการทดสอบความล้าเสร็จสิ้น นำผลที่ได้มาคำนวณทางสถิติพบว่าค่าเฉลี่ยแรงบิดย้อนกลับเรียงลำดับจากน้อยไปมากได้ดังนี้ กลุ่มที่ 4(7.250+-0.957 นิวตัน.ซม.) กลุ่มที่ 5(11.000+-0.816 นิวตัน.ซม.) กลุ่มที่ 6(13.000+-0.816 นิวตัน.ซม.)กลุ่มที่ 1(15.750+-1.500 นิวตัน.ซม.) กลุ่มที่ 2(21.500+-1.291 นิวตัน.ซม.) และกลุ่มที่ 3(25.750+- 0.957 นิวตัน.ซม.)จากนั้นนำข้อมูลมาวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบ 2 ทาง พบว่าแรงบิดขัน การทดสอบความล้า และอิทธิพลร่วมจาก 2 ปัจจัยดังกล่าวมีผลตอแรงบิดย้อนกลับอย่างมีนัยสำคัญ(p น้อยกว่า.05) และจากการเปรียบเทียบเชิงซ้อนพบว่ามีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญระหว่างค่าเฉลี่ยแรงบิดย้อนกลับของแต่ละกลุ่ม ยกเว้นการเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่ 5 และ 6 จากผลการวิจัยครั้งนี้จึงแนะนำว่าหากมีการนำรากเทียมระบบที่ผลิตขึ้นนี้ไปใช้ในทางคลินิกควรเลือกใช้แรงบิดขนาด 35 นิวตัน.ซม.ในการขันสกรูหลักยึดรากเทียมเพื่อให้เกิดเสถียรภาพของข้อต่อสกรูen
dc.description.abstractalternativeOne of the problems of dental implant restorations is abutment screw loosening. Many studies indicate that tightening torque can affect preload of the screw joint. The preload can be measured by many methods, one which is measurement of reverse torque value. Although, there are many dental implant systems on the market, the prices of dental implant restorations are still rather expensive. The solution of this situation is production and utilizing implants locally. The purpose of this study was to evaluate the effect of tightening torque and fatigue test on reverse torque of abutment screws of new implant system. There were 6 groups in this study, groups 1-3 were tightened to 20,30 and 35 N.cm, respectively and not fatigue tested, and groups 4-6 were tightened to 20,30 and 35 N.cm, respectively and were subjected to fatigue test. The conditions of this fatigue test followed an ISO method. A fatigue testing machine delivered a force of 60N, 80 cycles/minute for 1,000,000 cycles or the approximate equivalent of 5 years in vivo mastication. Force was applied at an angulation 30 degrees to long axis of the implant. In this study, abutment screw tightening was done by using a handheld screw driver attached to a Tohnichi torque gauge to control tightening torque, and a measurement of reverse torque value was done by the same device. The measurement was done after tightening 24 hours foe group 1-3 and after fatigue test for group 4-6. The mean of reverse torque values of each group were calculated. The results from lowest value to highest are as follow, group 4(7.250+-0.957 N.cm), group 5(11.000+-0.816 N.cm) ,group 6(13.000+-0.816 N.cm), group 1(15.750+-1.500 N.cm),group 2(21.500+-1.291 N.cm) and group 3(25.750+-0.957 N.cm).Analysis by 2-way ANOVA demonstrated that there was the significant effect of tightening torque, fatigue test and interaction of these 2 factors on reverse torque(p is less than .05). Analysis by multiple comparison further showed that there were significant differences between all groups except between groups 5 and 6. The result obtained from this study suggestes that the clinician should tight abutment screw of new implant system with torque value 35 N.cm for abutment-implant stability.en
dc.format.extent1370658 bytes-
dc.format.mimetypeapplication/pdf-
dc.language.isothes
dc.publisherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen
dc.relation.urihttp://doi.org/10.14457/CU.the.2007.485-
dc.rightsจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen
dc.subjectทันตกรรมรากเทียมen
dc.titleแรงบิดย้อนกลับของสกรูหลักยึดรากเทียมภายหลังการทดสอบความล้าen
dc.title.alternativeReverse torques of abutment screws after fatigue testen
dc.typeThesises
dc.degree.nameวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตes
dc.degree.levelปริญญาโทes
dc.degree.disciplineทันตกรรมประดิษฐ์es
dc.degree.grantorจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen
dc.email.advisorOrapin.Ka@Chula.ac.th-
dc.email.advisorSunphat.N@chula.ac.th-
dc.email.advisorStaporn.S@Chula.ac.th-
dc.identifier.DOI10.14457/CU.the.2007.485-
Appears in Collections:Dent - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Juthamard.pdf1.34 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.