Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/15100
Title: | ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงการออกแบบแผ่นโลหะเคลือบกระเบื้องต่อความต้านทานการแตกหักของพอร์ซเลน |
Other Titles: | The effect of various metal framework designs of porcelainfused to metal disc on fracture resistance of porcelain |
Authors: | ลีนวัฒน์ ศรีสุนาครัว |
Advisors: | ภาณุพงศ์ วงศ์ไทย |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะทันตแพทยศาสตร์ |
Advisor's Email: | Parnupong.W@chula.ac.th |
Subjects: | การเคลือบผิว (เซรามิก) การแตกร้าว ทันตวัสดุ |
Issue Date: | 2550 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงการแตกหักของพอร์ซเลนบนชิ้นงาน ตัวอย่างที่มีการออก แบบโลหะ พอร์ซเลนและตำแหน่งจุดกดแตกต่างกัน ทำการทดสอบชิ้นงาน 8 กลุ่ม โดยมีการออกแบบโลหะรองรับพอร์ซเลนดังต่อไปนี้ ชิ้นงานแผ่นแบนหนา 0.3 มม.สม่ำเสมอ(กลุ่มที่1), ชิ้นงานตรงกลางบาง 0.1 มม.(กลุ่มที่2), ชิ้นงานโลหะรองรับเป็นทรงกรวยมุมแหลมส่วนหนาสุด 2.3 มม.(กลุ่มที่3), ชิ้นงานโลหะรองรับนูนเป็นมุมมนส่วนหนาสุด 2.3 มม.(กลุ่มที่4), ชิ้นงานรูปขั้นบันไดจุดกดตรงรอยต่อ (กลุ่มที่5), ชิ้นงานรูปขั้นบันไดจุดกดตรงกลาง(กลุ่มที่6), ชิ้นงานรูปขั้นบันไดจุดกดตรงขอบ(กลุ่มที่7), ชิ้นงานรูปขั้นบันไดจุดกดเป็นมุมเฉียง 30 องศา(กลุ่มที่8) โดยชิ้นงานโลหะเคลือบกระเบื้องขนาด 7 x 9 มม.² ทุกกลุ่มๆละ 10 ชิ้น ได้เตรียมขึ้นตามคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิต นำชิ้นงานที่ได้มายึดบนแป้นทองเหลืองด้วยซิงค์ฟอสเฟตซีเมนต์ จากนั้นนำไปแช่ในน้ำกลั่น 37 องศา เซลเซียส 24 ชั่วโมง นำชิ้นงานที่ได้มาทดสอบแรงอัดในแนวดิ่งจนพอร์ซเลนแตก ด้วยเครื่องทดสอบสากลรุ่น Instron 8872 ที่มีหัวกดรูปทรงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 ม.ม. ความเร็วหัวกด 1 มม./นาที ผลการทดลองพบว่าค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (X̅ +- S.D.) ของแต่ละกลุ่มมีค่าดังนี้ 1)2506.03 +- 257.98N 2)2027.07 +- 180.74N 3)2101.12 +- 101.55N 4)2117.12 +- 125.49N 5)1461.20 +- 139.20N 6)2092.40 +- 113.79N 7)791.64 +- 87.96N 8)1062.38 +- 187.83N เมื่อนำข้อมูลไปวิเคราะห์โดยใช้สถิติวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียวและการ ทดสอบการเปรียบเทียบเชิงซ้อนชนิดแทมเฮน ได้ผลดังนี้ ชิ้นงานกลุ่มที่1 มีค่าเฉลี่ยแรงอัดสูงสุดที่ทำให้พอร์ซเลนเกิดการแตกหักแตกมากที่สุด และมากกว่ากลุ่มอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในกลุ่มที่ 5, 7 และ8 ซึ่งเป็นชิ้นงานรูปขั้นบันไดที่มีตำแหน่งจุดกดแตกต่างกัน (p<0.05) ส่วนในชิ้นงานกลุ่มที่ 2, 3, 4 และ6 ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p≥0.05) จากข้อมูลข้างต้นทำให้สรุปได้ว่า ความหนาที่ไม่สม่ำเสมอของโลหะที่รองรับพอร์ซเลน รวมทั้งตำแหน่ง และทิศทางของแรงกด มีผลต่อความต้านทานการแตกหักของชิ้นงานโลหะเคลือบกระเบื้อง. |
Other Abstract: | The objective of this study was to evaluate the fracture resistance of ceramometal samples on different metal designs and location of load. Eight different metal designs were as follows: 0.3 mm uniform thickness of metal (group 1), concave specimen of 0.1 mm at the thinnest point (group2), cone-shaped with sharp apex of 2.3 mm at the thickest point (group 3), convex specimen of 2.3 mm at the thickest point (group 4), ladder-shaped with loading point at the step (group 5), ladder-shaped with loading point at the center (group 6), ladder-shaped with loading point at the porcelain thickest point (group 7) and ladder-shaped with 30° loading (group 8). Ten specimens, 7 x 9 mm², of each group were fabricated according to the manufacturer’s recommendations. The specimen was luted to the brass specimen holder with zinc phosphate cement and stored in 37°C for 24 hour prior to the test. The test was performed on a universal testing machine (Instron 8872) with crosshead speed of 1 mm/min using metal sphere loading point diameter of 3 mm under compressive load. The maximum load prior to fracture means +- S.D. of each group was as follows: 1)2506.03 +- 257.98 N 2)2027.07 +- 180.74 N 3)2101.12 +- 101.55 N 4)2117.12 +- 125.49 N 5) 1461.20+- 139.20 N 6)2092.40 +- 113.79 N 7)791.64 +- 87.96 N 8)1062.38 +- 187.83 N. One-way ANOVA and Tamhane multiple comparisons revealed that group 1 had the greatest fracture resistance over the others (p<0.05). There were significant differences among different loading point on same metal design of group 5,7 and 8 (p<0.05). Group 2, 3, 4 and 6 were not different at p≥0.05. It was concluded that the non-uniform thickness of metal supporting porcelain, position and direction of load affected the fracture resistance of porcelain fused to metal specimen. |
Description: | วิทยานิพนธ์ (วท.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2550 |
Degree Name: | วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต |
Degree Level: | ปริญญาโท |
Degree Discipline: | ทันตกรรมประดิษฐ์ |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/15100 |
URI: | http://doi.org/10.14457/CU.the.2007.1891 |
metadata.dc.identifier.DOI: | 10.14457/CU.the.2007.1891 |
Type: | Thesis |
Appears in Collections: | Dent - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
leenawat.pdf | 4.87 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.