Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/17148
Title: การประเมินความสามารถในการบดเคี้ยวด้วยชิ้นขี้ผึ้งที่พัฒนาขึ้นเอง
Other Titles: Evaluation of chewing ability using developed wax cubes
Authors: กิตติมา ประภัสร์รังษี
Advisors: อรพินท์ แก้วปลั่ง
อมร เพชรสม
Other author: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะทันตแพทยศาสตร์
Advisor's Email: Orapin.Ka@Chula.ac.th
Amorn.P@Chula.ac.th
Subjects: ทันตกรรม -- เครื่องมือและอุปกรณ์
ขี้ผึ้ง
ฟันปลอมทั้งปาก
Issue Date: 2552
Publisher: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Abstract: การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาชิ้นขี้ผึ้งเพื่อใช้ในการประเมินความสามารถในการบดเคี้ยวให้มีคุณสมบัติทางกายภาพตามที่กำหนด โดยกระบวนการผลิต และ การแปรผล สามารถทำได้เองในประเทศ จากนั้นใช้ชิ้นขี้ผึ้งที่พัฒนาขึ้นมาประเมินความสามารถในการบด เคี้ยวในผู้เข้าร่วมวิจัยต่างกลุ่มอายุ ดำเนินการโดย นำขี้ผึ้ง 4 ชนิด ได้แก่ ไขผึ้ง ขี้ผึ้งคานูบา ขี้ผึ้ง พาราฟิน และ ขี้ผึ้งไมโครคริสตอล มาผสมกันจนได้ขี้ผึ้งที่มีคุณสมบัติทางกายภาพตามต้องการ เพื่อทำชิ้นขี้ผึ้งขนาด 10X10X10 มิลลิเมตร แบ่งผู้เข้าร่วมวิจัยที่มีการสบฟันปกติ จำนวน 45 คน (ชาย 21 คน หญิง 24 คน) ออกเป็น 3 กลุ่ม (กลุ่มที่ 1 อายุ 20-29 ปี กลุ่มที่ 2 อายุ 30-39 ปี กลุ่ม ที่ 3 อายุ 40-49 ปี) นำชิ้นขี้ผึ้งไปทำให้ปราศจากเชื้อ เก็บในตู้ควบคุมอุณหภูมิ (37 องศาเซลเซียส) 24 ชม. จากนั้นนำมาแช่ในเครื่องควบคุมอุณหภูมิน้ำ 10 นาทีก่อนเริ่มเคี้ยว ให้ผู้เข้าร่วมวิจัยเคี้ยว ชิ้นขี้ผึ้งคนละ 4 ก้อน ก้อนละ 10 ครั้ง ในตำแหน่งที่ถนัด นำชิ้นขี้ผึ้งที่ผ่านการเคี้ยวแล้วไปถ่ายภาพ และ ประเมินความสามารถในการบดเคี้ยวด้วยโปรแกรมอิมเมจ เจ โดยคำนวณร้อยละของสีที่ ผสมกันได้ดี จากผลการศึกษาพบว่า ค่าเฉลี่ยความสามารถในการบดเคี้ยวใน กลุ่มที่ 1 เท่ากับ 25.31±4.43 กลุ่มที่ 2 เท่ากับ 23.60±5.65 กลุ่มที่ 3 เท่ากับ 16.46±5.52 จากสถิติการวิเคราะห์ ความแปรปรวนแบบทางเดียวพบว่ามีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญระหว่าง กลุ่มที่ 1 กับ กลุ่มที่ 3 และ กลุ่มที่ 2 กับ กลุ่มที่ 3 แต่ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างเพศในแต่ละ กลุ่มอายุ โดยสรุป ชิ้นขี้ผึ้งที่พัฒนาขึ้นสามารถแยกความแตกต่างของความสามารถในการบดเคี้ยวระหว่างกลุ่มตัวอย่างทั้ง 3 กลุ่มได้ โดยใช้กระบวนการผลิต และ การแปรผลที่ไม่ซับซ้อน และ พบว่าความสามารถในการบดเคี้ยวมีแนวโน้มลดลงเมื่อกลุ่มตัวอย่างอายุเพิ่มขึ้น
Other Abstract: The purpose of this study is to develop the wax cubes that have desired physical properties, for evaluating the chewing ability. The manufacturing and evaluating process can be done domestically. The developed wax cubes can be used to evaluate the chewing ability in variant ages of subjects. Four types of wax; Bee wax, Carnauba wax, Paraffin wax and Microcrystalline wax were blended until achieved the desired physical properties to create10x10x10 mm. wax cubes. Forty-five subjects (21 males and 24 females) with normal occlusion were classified into 3 groups (Group1: 20-29 years old, Group2: 30-39 years old, Group3: 40-49 years old). The wax cubes were disinfected and stored in the incubator (37°C) for 24 hours then soaked in water bath (37°C) for 10 minutes prior testing. Each subject was assigned to chew four pieces of wax cubes for ten strokes at habitual position. The chewed wax was captured and analyzed by Image J program (NIH) then calculated percent of well mixed color. The results showed that the average percentage of chewing ability in Group 1, 2 and 3 are 25.31±4.43, 23.60±5.65, 16.46±5.52 respectively. One-way ANOVA showed the differences between Group 1 and 3, Group 2 and 3 are statistically significant. However, no statistically significant was obtained between genders in each group. As the result, the developed wax cubes can be used to identify chewing ability among 3 groups with uncomplicated manufacturing and evaluating process. Also, this study indicates that chewing ability and age of subjects are negatively correlated
Description: วิทยานิพนธ์ (วท.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2552
Degree Name: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level: ปริญญาโท
Degree Discipline: ทันตกรรมประดิษฐ์
URI: http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/17148
URI: http://doi.org/10.14457/CU.the.2009.352
metadata.dc.identifier.DOI: 10.14457/CU.the.2009.352
Type: Thesis
Appears in Collections:Dent - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
kittima_pr.pdf3.69 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.