Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/50502
Title: ความพึงพอใจของผู้เข้าพักอาศัยอาคารอยู่อาศัยรวมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลเอกชน กรณีศึกษา: โครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์และอพาร์ทเมนต์รอบโรงพยาบาลกรุงเทพ
Other Titles: CUSTOMER SATISFACTION TOWARD ACCOMMODATION BLOCKS BUILTAROUND PRIVATE HOSPITALS: A CASE STUDY OF SERVICE APARTMENTAND APARTMENT PROJECTS AROUND BANGKOK HOSPITAL
Authors: กฤตภัค วรธิติพงศ์
Advisors: ไตรรัตน์ จารุทัศน์
Other author: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
Advisor's Email: Trirat.J@Chula.ac.th,trirat13@gmail.com
Subjects: ห้องชุด -- ไทย -- กรุงเทพฯ
โรงพยาบาล -- การจัดการธุรกิจ
ที่อยู่อาศัย -- ความพอใจของผู้อยู่อาศัย -- ไทย -- กรุงเทพฯ
Apartments -- Thailand -- Bangkok
Hospitals -- Business management
Housing -- Resident satisfaction -- Thailand -- Bangkok
Issue Date: 2558
Publisher: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Abstract: หลังจากวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้งในประเทศไทยที่ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศไทยตกต่ำเป็นอย่างมาก ธุรกิจบริการด้านสุขภาพและบริการรักษาพยาบาลได้รับผลกระทบจากผู้ใช้บริการชาวไทยลดลง ดังนั้นเพื่อชดเชยรายได้ที่หายไปโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งจึงขยายบริการให้แก่ผู้ใช้บริการชาวต่างประเทศ ซึ่งแต่เดิมให้บริการโรงพยาบาลรับชาวต่างประเทศที่ทำงานในประเทศไทย หรือนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเท่านั้น แล้วขยายบริการด้านการรักษาสุขภาพ ในรูปแบบของการเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง หรือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพประกอบกับรัฐบาลให้การส่งเสริมสนับสนุนธุรกิจดังกล่าวเพื่อเป็นแหล่งสร้างรายได้จึงกำหนดเป็นแผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับธุรกิจบริการสุขภาพโดยมุ่งเน้นที่จะพัฒนาคุณภาพการรักษาพยาบาลในประเทศให้ดีขึ้นเพื่อให้ประเทศเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพ ส่งผลให้ธุรกิจบริการสุขภาพหรือธุรกิจรักษาพยาบาลเติบโต นำมาซึ่งธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาล อาทิเช่น ธุรกิจยา ธุรกิจอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรอบได้รับการพัฒนาตาม จากการสำรวจพบว่าโครงการที่อยู่อาศัยรวมแบบเช่ามีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งมีรูปแบบ การบริการ และการบริหารที่ไม่แน่นอนทั้งนี้เป็นผลมาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ด้านราคา ด้านคุณภาพของโครงการ การบริหารและวัฒนธรรม เป็นต้น โดยผู้วิจัยมองว่าการศึกษาความพึงพอใจของผู้เข้าพักอาศัยในด้านรูปแบบ การบริการ และบริหารตลอดจนปัญหาและแนวทางการแก้ไขของแต่ละโครงการเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาโครงการทั้งทางด้านรูปแบบ การบริการ และการบริหาร ทั้งนี้ผู้วิจัยได้ทำการสำรวจโดยเลือกโครงการที่อยู่อาศัยโดยรอบโรงพยาบาลเอกชนที่เป็นโครงการอาคารอยู่อาศัยรวมแบบเจ้าของรายเดียว มีผู้เข้าพักอาศัยภายในโครงการเป็นชาวต่างประเทศและมีความเกี่ยวข้องกับโรงพยาบาล ได้แก่ โครงการ อมารี เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ โครงการ ชาราวิลล์ เซอร์วิสอพาร์ทเมต์ และโครงการเอส เค เอ็ม อพาร์ทเมนต์ จากการศึกษาวิจัยพบว่าระดับความพึงพอใจภายในห้องพัก พื้นที่ภายนอกห้องพักหรือพื้นที่ส่วนกลาง และการบริการภายในโครงการมีความสอดคล้องกับคุณภาพของโครงการ กล่าวคือ ผู้เข้าพักอาศัยให้ความสำคัญต่อพื้นที่ภายในห้องพัก 3 ลำดับแรกแรกคือ พื้นที่พักผ่อนหรือพื้นที่รับแขกร้อยละ 76.69 พื้นที่เตียงหรือพื้นที่สำหรับนอนคิดเป็นร้อยละ 76.85 พื้นที่ห้องน้ำร้อยละ 75.12 สำหรับพื้นที่ภายนอกห้องพักหรือพื้นที่ส่วนกลางให้ความสำคัญ 3 ลำดับแรก พื้นที่โถงรับแขกหรือพื้นที่ต้อนรับร้อยละ 77.17 พื้นที่สวนหย่อมหรือพื้นที่สีเขียวร้อยละ 76.16 และพื้นที่สระว่ายน้ำภายในโครงการร้อยละ 72.28 ส่วนด้านการให้บริการให้ความสำคัญ 3 ลำดับแรก คือรถรับส่งระหว่างที่พักกับโรงพยาบาลร้อยละ 80.79 การบริการต้อนรับร้อยละ 77.76 บริการขนสัมภาระร้อยละ 76.67 และบริการต้อนรับร้อยละ 76.35 ด้านการบริหารโครงการ พบว่าโครงการกลุ่มตัวอย่างมีการแบ่งฝ่ายงานออกเป็นฝ่ายบริการส่วนหน้า และฝ่ายสนับสนุน แต่จำนวนของพนักงานหรือเจ้าหน้าที่แต่ละโครงการจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับจำนวนห้องพัก และการให้บริการ ปัญหาที่พบภายในโครงการเกิดจากด้านกายภาพ อาทิ พื้นที่ใช้สอยไม่เพียงพอหรือไม่เหมาะสม นำมาซึ่งความเสียหายกับเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องพัก ดังนั้นควรมีการปรับปรุงให้มีความเหมาะสมกับกลุ่มผู้ใช้บริการ ส่วนปัญหาทางด้านสังคมเกิดจากความไม่เข้าใจทางด้านวัฒนธรรมและการสื่อสาร
Other Abstract: After the Tom Yum Kung crisis, the Thai economy was severely affected. The nursing and healthcare service business had less Thai customers through many years of economic recession. To compensate for the loss of income, many private hospitals expanded their services to foreign customers as opposed to the past when their foreign customers were mostly expatriates working in Thailand or foreign tourists. These private hospitals expanded their healthcare services in the form of specialized treatment or health tourism under the government’s support. The government supported the healthcare business and included it in its strategic plan and priorities quality services to develop the country as a medical hub. As a result, nursing and healthcare services grew significantly. Consequently, hospital-related businesses and industries, such as medicine, medical equipment and real estate, especially real estate around the hospitals, were also developed. According to the survey, it was found that there were many forms of accommodation for rent. Their features, services and management vary due to many factors such as price, quality of projects and cultural management. The researcher believes that the study of resident satisfaction in terms of features, services and management, and problems and solutions of residential projects will lead to the improvement and development of the projects in terms of features, services and management. Therefore, the researcher conducted a survey on residential projects around private hospitals, emphasizing shared residential places of single owners. The residents of these projects are foreigners with relations in hospitals, such as Amari Residences Bangkok, Chara Ville Service Apartment, and S.K.M. Apartment. Based on the results of the research, it was found that the satisfaction level of the rooms, the area outside the rooms or the common area, and the service in the project were consistent with the quality of the project. The residents gave priority to utility space in the room as follows: 76.69% of residents gave highest priority to the relaxation area or reception area, 76.85% of residents give the highest priority to the bed or sleeping area and 75.12% of residents give the highest priority to the bathroom. The residents gave priority to the utility space outside the room as follows: 77.17% of residents gave highest priority to the lobby or reception area, 76.16% of residents gave highest priority to parks and green area and 72.28% of residents gave highest priority to the swimming pool in the project. As for services, the residents of the projects gave priority as follows: 80.79% of residents gave highest priority to the shuttle bus between the residential place and hospital, 77.76% of residents gave highest priority to the reception service and 76.67% of residents gave highest priority to the bag carrying service. With regard to project management, it was found that the project management in the sampled group was divided into front service and supporting section. The number of employees or staff of each project varied depending on the number of rooms and provided services. Problems in the projects were physical problems such as inadequate or inappropriate utility space that leads to furniture damage in the room. Hence, the projects should adjust physical features to fit customer demands. Another source of problems included social problems, which arose from cultural misunderstanding and communication.
Description: วิทยานิพนธ์ (คพ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2558
Degree Name: เคหพัฒนศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level: ปริญญาโท
Degree Discipline: การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
URI: http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/50502
URI: http://doi.org/10.14457/CU.the.2015.521
metadata.dc.identifier.DOI: 10.14457/CU.the.2015.521
Type: Thesis
Appears in Collections:Arch - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
5773302625.pdf7.21 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.