Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/69552
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorAtiphan Pimkhaokham-
dc.contributor.authorTeerawat Sukpaita-
dc.contributor.otherChulalongkorn University. Faculty of Dentistry-
dc.date.accessioned2020-11-11T11:39:54Z-
dc.date.available2020-11-11T11:39:54Z-
dc.date.issued2017-
dc.identifier.urihttp://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/69552-
dc.descriptionThesis (M.Sc.)--Chulalongkorn University, 2017-
dc.description.abstractAfter tooth loss, a consequent atrophy of the alveolar process always takes place and adversely affect the reconstruction process especially by dental implant.  A novel chitosan/dicarboxylic acid scaffold (CS/DA scaffold) has been developed and proven to be an excellent candidate material in bone tissue engineering. This study aimed to evaluate the effects of a CS/DA scaffold with and without seeded primary human periodontal ligament cells (hPDLCs) in mouse calvarial defect model. Eighteen mice were divided into 3 groups of 6 each. Four-millimeter calvarial defects were created on both side of parietal bone and implanted with either CS/DA scaffold or CS/DA scaffold with hPDLCs. The empty bony defects were kept as control. New bone formation was assessed using microcomputed tomography and histological analyses 6 and 12 weeks after surgery. Results showed that In vivo bone regeneration at 6 and 12 weeks was significantly enhanced by CS/DA scaffold alone and CS/DA scaffold implanted with hPDLCs (P <0.05). Histological staining confirmed these findings and impressive new bone formation was observed in CS/DA scaffold and CS/DA scaffold with hPDLCs compared with control. Conclusion: Our study proposes CS/DA scaffold as a novel bone regenerative material with good osteoinductive/osteoconductive properties.-
dc.description.abstractalternativeการละลายตัวของสันกระดูกขากรรไกรภายหลังการสูญเสียฟันส่งผลต่อการใส่ฟันทดแทนโดยเฉพาะการฝังรากฟันเทียม หนึ่งในวิธีการที่ได้รับความสนใจในการป้องกันการละลายตัวของสันกระดูกขากรรไกรคือกระบวนการคงสภาพสันกระดูกขากรรไกรด้วยวิธีการทางวิศวกรรมเนื้อเยื่อ คณะผู้วิจัยได้พัฒนาโครงเลี้ยงเซลล์ไคโตซานซาน ที่ขึ้นรูปผ่านการละลายและเชื่อมโยงข้ามด้วยกรดคาร์บอกซิลิกชนิดมีหมู่คาร์บอกซิลสองหมู่ขึ้น แต่ยังไม่มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับคุณสมบัติของวัสดุชนิดนี้ในการกระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่ในสิ่งมีชีวิต การศึกษาวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบคุณสมบัติการกระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่ของโครงเลี้ยงเซลล์ไคโตซาน/กรดไดคาร์บอกซิลิก ซึ่งได้รับการฝังหรือไม่ฝังเซลล์เอ็นยึดปริทันต์ของมนุษย์ ในรอยวิการกะโหลกศีรษะหนูทดลอง ทำการศึกษาโดยใช้รอยวิการกะโหลกศีรษะหนูเมาส์จำนวน 18 ตัว แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 6 ตัว ได้แก่ กลุ่มที่ใส่โครงเลี้ยงเซลล์ไคโตซานชนิดที่ฝังเซลล์เอ็นยึดปริทันต์ กลุ่มที่ใส่โครงเลี้ยงเซลล์ไคโตซานชนิดที่ไม่ฝังเซลล์เอ็นยึดปริทันต์ และกลุ่มควบคุมที่ไม่ใส่โครงเลี้ยงเซลล์ลงในรอยวิการกะโหลกศีรษะ และทำการวิเคราะห์เปรียบเทียบกระดูกที่สร้างขึ้นใหม่ด้วยการถ่ายภาพรังสีไมโครคอมพิวเตดโทโมกราฟฟีและการวิเคราะห์ทางจุลกายวิภาคในสัปดาห์ที่ 6 และสัปดาห์ที่ 12 หลังการผ่าตัด ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มที่ใส่โครงเลี้ยงเซลล์ไคโตซานชนิดที่ฝังเซลล์เอ็นยึดปริทันต์ และกลุ่มที่ใส่โครงเลี้ยงเซลล์ไคโตซานชนิดที่ไม่ฝังเซลล์เอ็นยึดปริทันต์ สามารถกระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่ได้มากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ ที่ระยะเวลา 6 และ 12 สัปดาห์ ผลการวิจัยสรุปได้ว่า โครงเลี้ยงเซลล์ไคโตซาน/กรดไดคาร์บอกซิลิก มีคุณสมบัติที่ดีในการเป็นโครงยึดเกาะให้กับเซลล์ต้นกำเนิด และสามารถกระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่ในรอยวิการกะโหลกศีรษะของหนูทดลอง-
dc.language.isoen-
dc.publisherChulalongkorn University-
dc.relation.urihttp://doi.org/10.58837/CHULA.THE.2017.389-
dc.rightsChulalongkorn University-
dc.subject.classificationDentistry-
dc.titleComparative study of in vivo bone regeneration using chitosan/dicarboxylic acid scaffold implanted with human periodontal ligament cells-
dc.title.alternativeการศึกษาเปรียบเทียบคุณสมบัติการสร้างกระดูกใหม่ในสิ่งมีชีวิตด้วยการใช้โครงเลี้ยงเซลล์ไคโตซาน/กรดไดคาร์บอกซิลิก ที่ฝังเซลล์เอ็นยึดปริทันต์ของมนุษย์-
dc.typeThesis-
dc.degree.nameMaster of Science-
dc.degree.levelMaster's Degree-
dc.degree.disciplineOral and Maxillofacial Surgery-
dc.degree.grantorChulalongkorn University-
dc.identifier.DOI10.58837/CHULA.THE.2017.389-
Appears in Collections:Dent - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
5875814032.pdf2.59 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.