Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/7058
Title: การตรวจหาเชื้อแบคทีเรียก่อโรคปริทันต์ในผู้ป่วยโรคปริทันต์อักเสบเรื้อรังและเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี
Other Titles: Detection of periodontal pathogens in chronic periodontitis patients with poorly controlled type 2 diabetes mellitus
Authors: จุฑาทิพย์ กิ่งนครทอง
Advisors: อรวรรณ จรัสกุลางกูร
กนกวรรณ นิสภกุลธร
Other author: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะทันตแพทยศาสตร์
Advisor's Email: ไม่มีข้อมูล
ไม่มีข้อมูล
Subjects: โรคปริทันต์อักเสบ
แบคทีเรียก่อโรค
เบาหวาน -- ผู้ป่วย
เบาหวาน
Issue Date: 2548
Publisher: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Abstract: ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี มีความเสี่ยงต่อการสูญเสียระดับการยึดเกาะของอวัยวะปริทันต์และการละลายของกระดูกเบ้าฟันมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงสมดุลของเชื้อแบคทีเรียใต้เหงือกอาจเป็นสาเหตุในการเพิ่มความรุนแรงของโรคปริทันต์อักเสบในผู้ป่วยกลุ่มนี้ การวิจัยนี้หาความชุกของเชื้อแบคทีเรีย Porphyromonas gingivalis, Tannerella forsythia, Treponema dentficola และ Prevotella intermedia ใน แผ่นคราบจุลินทรีย์ใต้เหงือกของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดีเปรียบเทียบกับผู้ป่วยที่ไม่เป็นโรคเบาหวาน โดยศึกษาในผู้ป่วยโรคปริทันต์อักเสบเรื้อรังทั่วไประดับปานกลางถึงรุนแรง แบ่งเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี (กลุ่มทดลอง) จำนวน 17 คน และผู้ป่วยที่ไม่เป็นโรคเบาหวาน จำนวน 17 คน (กลุ่มควบคุม) ทำการตรวจสภาวะปริทันต์ของกลุ่มตัวอย่างด้วยค่าทางคลินิก ประกอบด้วยคราบจุลินทรีย์ การมีเลือดออกจากเหงือก ความลึกของร่องเหงือกและระดับการยึดเกาะของอวัยวะปริทันต์ เก็บตัวอย่างคราบจุลินทรีย์ ใต้เหงือก จากร่องลึกปริทันต์ที่ลึกที่สุด 5 ตำแหน่ง และร่องเหงือกปกติ 5 ตำแหน่งโดยเก็บกระจายทุกเสี้ยวของช่องปากของผู้ป่วยแต่ละคน และนำไปตรวจหาเชื้อแบคทีเรียด้วยวิธีปฏิกิริยาพอลิเมอเรสลูกโซ่ ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างทั้ง 2 กลุ่ม มีอายุ สภาวะปริทันต์ และความลึกของตำแหน่งที่เก็บตัวอย่างคราบจุลทรีย์ใต้เหงือกไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P > 0.05) จากการเปรียบเทียบความชุกของเชื้อแบคทีเรียทั้ง 4 ชนิดในร่องเหงือกปกติและร่องลึกปริทันต์ ระหว่างกลุ่มตัวอย่างทั้งสอง ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P > 0.05) และเมื่อเปรียบเทียบความชุกของเชื้อแบคทีเรียทั้ง 4 ชนิดระหว่างร่องเหงือกปกติและร่องลึกปริทันต์ภายในแต่ละกลุ่มตัวอย่าง พบความชุกของเชื้อแบคทีเรียในร่องลึกปริทันต์มากกว่าร่องเหงือกปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P < 0.05) ยกเว้นในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดีไม่พบความแตกต่างของเชื้อแบคทีเรีย Porphyromonas gingivalis และ Treponema denticola อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P > 0.05) จากผลการวิจัยสรุปได้ว่าความชุกของเชื้อแบคทีเรียใต้เหงือกทั้ง 4 ชนิดไม่มีความแตกต่างกันระหว่างผู้ป่วยที่เป็นและไม่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี แต่ในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี พบว่ามีความชุกของเชื้อแบคทีเรีย Porphyromonas gingivalis และ Treponema denticola ในร่องเหงือกปกติสูงใกล้เคียงกับร่องลึกปริทันต์ แสดงให้เห็นว่าในร่องเหงือกปกติของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ทีควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดีอาจมีการเปลี่ยนแปลงสมดุลของเชื้อจุลชีพซึ่งส่งผลให้มีการตั้งถิ่นฐานของเชิ้อแบคทีเรียก่อโรคปริทันต์ในร่องเหงือกปกติ และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคปริทันต์อักเสบมากขึ้น จึงอาจนำไปเป็นแนวทางป้องกันการเกิดและการลุกลามของโรคปริทันต์อักเสบทีรุนแรงเพิ่มมากขึ้นในผู้ป่วยกลุ่มนี้ต่อไป
Other Abstract: Poorly-controlled diabetes increases the risk of periodontal bone loss and attachment loss. Microbial changes of the subgingival plaque may be one of the factors that affect the disease progression. The study examines the prevalence of four periodontal pathogens, including Porphyromonas gingivalis, Tannerella forsythia, Treponema denticola, and Prevotella intermedia in the subgingival plaque samples of poorly controlled type 2 diabetic patients and compare to that of non-diabetic controls. The study included 34 subjects with generalized moderate to severe chronic periodontitis. The test group (N=17) had poorly-controlled diabetes whereas the control group (N=17) were non-diabetics. Clinical parameters including plaque score, bleeding on probing, probing depth and clinical attachment level were recorded. In each subject, subgingival plaque samples were collected from 5 periodontally healthy sites and 5 most diseased sites. The periodontal pathogens from plaque samples were detected by polymerase chain reaction. The results showed no differences between the test and control groups in all clinical parameters. Comparing the prevalence of four periodontal pathogens between test and control group, significant difference was not found in both healthy and diseased sites (P>0.05). In non-diabetic subjects, healthy sites showed lower prevalence of all periodontal pathogens than diseased sites (P<0.05). However, in poorly controlled diabetic patients, the prevalence of Porphyromonas gingivalis and Treponema denticola in healthy sites was high and did not differ significantly from that of the diseased sites (P>0.05). The study suggested that there was a microbial change within the periodontally healthy sites of poorly-controlled diabetic patients. The increased prevalence of periodontal pathogens may predispose these sites for disease progression
Description: วิทยานิพนธ์ (วท.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2548
Degree Name: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level: ปริญญาโท
Degree Discipline: ปริทันตศาสตร์
URI: http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/7058
URI: http://doi.org/10.14457/CU.the.2005.1189
ISBN: 9745324213
metadata.dc.identifier.DOI: 10.14457/CU.the.2005.1189
Type: Thesis
Appears in Collections:Dent - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
jutathip.pdf1.63 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.