Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/71118
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorNantaya Yanumet-
dc.contributor.advisorSumaeth Chavadej-
dc.contributor.advisorScamehorn, John F-
dc.contributor.authorPorntip Pattayakorn-
dc.contributor.otherChulalongkorn University. The Petroleum and Petrochemical College-
dc.date.accessioned2020-11-30T03:38:05Z-
dc.date.available2020-11-30T03:38:05Z-
dc.date.issued2002-
dc.identifier.isbn9740315968-
dc.identifier.urihttp://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/71118-
dc.descriptionThesis (M.S.)--Chulalongkorn University, 2002en_US
dc.description.abstractWinsor Type I-III microemulsion phase behavior was studied for detergency application as a function of salinity. The microemulsion systems consisted of com-mercially available DOWFAX 8390, bis-ethylhexyl sulfosuccinate (Aerosol-OT), sorbitan monolaurate (Span 20), and propylene glycol. This research was conducted to examine the relationship between the phase behavior and the detergency of hexa-decane and motor oil staining on cotton and polyester fabrics in the laundering process. The system exhibiting supersolubilization, as well as the middle-phase mi-croemulsion systems, were studied for detergency. Spectrophotometric and reflec-tance measurements were used to quantify soil removal after washing. Maximum detergency was found to correspond to the optimal salinity for hexadecane but not for motor oil. From the detergency results, the middle-phase microemulsion system was more efficient than the supersolubilization system for hexadecane staining, whereas for motor oil staining, both systems did not differ significantly in terms of solubilization capacity and detergency performance. The detergency results revealed that soil removal of both hexadecane and motor oil from cotton fabric was better than for soil removal from polyester fabric.en_US
dc.description.abstractalternativeในงานวิจัยนี้ได้ทำการศึกษาผลกระทบของความเข้มข้นโซเดียมคลอไรด์ต่อการเปลี่ยนแปลงช่วงในการเกิดไมโครอิมัลชั่นจาก วินเซอร์ชนิดที่ 1 ถึง วินเซอร์ชนิดที่ 3 เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการทำความสะอาด โดย สารซักฟอกประกอบด้วย ดาวแฟกซ์ 8390 ซึ่งเป็นสารประเภท ไดอัลคิล ไดฟีนีลออกไซด์ ไดซัลโฟเนต, นิสเอทธิลเฮกซีล ซัลโฟซักซิเนต ซึ่งมีชื่อทางการค้าว่า แอโรซอล โอที, ซอร์บิแทน โมโนลอเรต หรือ สแปน 20 และ โพรพีลีนไกลคอล การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง การเปลี่ยนแปลงช่วงในการเกิดไมโครอิมัลชั่น และ ความสามารถในการทำความสะอาด ได้ทำการทดสอบกับ ระบบที่เกิดซูเปอร์โซลูบิไลซ์เซชั่น และ มิดเดิลเฟส ไมโครอิมัลชั่น ผ้าฝ้าย และ ผ้าโพลีเอสเอทร์ ที่ปนเปื้อนด้วย เฮกสะเดกเคน และ น้ำมันเครื่อง ได้ถูกนำมาทดสอบความสามารถในการทำความสะอาดของสารซักฟอก ปริมาณสารปนเปื้อน และ สีบนผ้าก่อนซัก และ หลังซักได้ถูกวิเคราะห์โดยวิะี การวัดค่าการดูดกลืนแสง และ การสะท้อนของแสงตามลำดับ จากผลการวิจัยพบว่า ประสิทธิภาพสูงสุดในการกำจัดรอยเปื้อนที่เป็น เฮกสะเดกเคนเกิดที่ความเข้มข้นของเกลือที่ให้ค่าการละลายขอน้ำมันมากที่สุด ในขณะที่ รอยเปื้อนที่เป็น น้ำมันเครื่อง ค่าความสามารถในการกำจัดคราบไม่เกิดที่ปริมาณเกลือที่ให้ค่าการละลายมากที่สุด จากผลการทดสอบประสิทธิภาพในการซัก ระบบมิดเดิลเฟสไมโครอิมัลชั่น มีประสิทธิภาพดีกว่าระบบ ซูเปอร์โซลูบิไลซ์เซชั่น สำหรับคราบที่เป็นเฮกสัเดกเคน แต่สำหรับน้ำมันเตรื่อง ค่าของทั้งสองระบบไม่แตกต่างอย่างชัดเจน ในด้านของ ค่าประสิทธิภาพในการทำความสะอาดผ้า นอกจากนี้ยังพบอีกว่า คราบทั้งสองชนิดบนผ้าฝ้ายได้ถูกกำจัดได้มากกกว่า คราบบนผ้าโพลีเอสเทอร์en_US
dc.language.isoenen_US
dc.publisherChulalongkorn Universityen_US
dc.rightsChulalongkorn Universityen_US
dc.subjectEmulsions-
dc.subjectอิมัลชัน-
dc.titleMicroemulsion formation and detergency of Dowfax surfactantsen_US
dc.title.alternativeการเกิดไมโครอิมัลชั่น และความสามารถในการทำความสะอาดของสารทำความสะอาดดาวแฟกซ์en_US
dc.typeThesisen_US
dc.degree.nameMaster of Scienceen_US
dc.degree.levelMaster's Degreeen_US
dc.degree.disciplinePolymer Scienceen_US
dc.degree.grantorChulalongkorn Universityen_US
dc.email.advisorNo information provided-
dc.email.advisorSumaeth.C@Chula.ac.th-
dc.email.advisorNo information provided-
Appears in Collections:Petro - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Porntip_pa_front_p.pdfหน้าปก บทคัดย่อ และสารบัญ807.4 kBAdobe PDFView/Open
Porntip_pa_ch1_p.pdfบทที่ 1690.72 kBAdobe PDFView/Open
Porntip_pa_ch2_p.pdfบทที่ 2784.23 kBAdobe PDFView/Open
Porntip_pa_ch3_p.pdfบทที่ 31.39 MBAdobe PDFView/Open
Porntip_pa_ch4_p.pdfบทที่ 4613.35 kBAdobe PDFView/Open
Porntip_pa_back_p.pdfบรรณานุกรม และภาคผนวก1.69 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.