Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/7648
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorประนอม รอดคำดี-
dc.contributor.authorอรนุช เชาว์ปรีชา-
dc.contributor.otherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บัณฑิตวิทยาลัย-
dc.date.accessioned2008-07-25T02:04:20Z-
dc.date.available2008-07-25T02:04:20Z-
dc.date.issued2539-
dc.identifier.isbn9746363271-
dc.identifier.urihttp://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/7648-
dc.descriptionวิทยานิพนธ์ (พย.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2539en
dc.description.abstractศึกษาผลการสอนโดยประยุกต์ทฤษฏีการรับรู้ความสามารถของตนเอง ต่อการรับรู้ความสามารถของตนเองและพฤติกรรมการปฏิบัติตัวในการป้องกัน การแพร่กระจายโรค โดยเปรียบเทียบการรับรู้ความสามารถของตนเอง และพฤติกรรมการปฏิบัติตัวในการป้องกันการแพร่กระจายโรค ของหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นพาหะของโรคไวรัสตับอักเสบ บี ระหว่างกลุ่มที่ได้รับการสอนโดยประยุกต์ ทฤษฏีการรับรู้ความสามารถของตนเอง โดยใช้แนวทางการสร้างความสามารถของตนเอง 4 แนวทาง คือ 1) การประสบความสำเร์จในการทำงาน 2) การได้เห็นประสบการณ์ของผู้อื่น 3) การชักจูงด้วยคำพูด 4) การกระตุ้นเร้าทางอารมณ์และกลุ่มที่ได้รับการสอนตามปกติ จากพยาบาลวิชาชีพ กลุ่มตัวอย่างเป็นหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นพาหะของโรคไวรัสตับอักเสบ บี จำนวน 40 คน ที่มารับบริการฝากครรภ์ ที่หน่วยฝากครรภ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เป็นผู้ที่ได้รับการวินิจฉัย ว่าเป็นพาหะของโรคไวรัสตับอักเสบ บี และมีอายุครรภ์ระหว่าง 16-32 สัปดาห์ แบ่งกลุ่มตัวอย่างเป็น 2 กลุ่ม โดยวิธีการจับคู่ตามปัจจัยด้านระดับการศึกษา และฐานะทางเศรษฐกิจ กลุ่มละ 20 คน กลุ่มทดลองเข้าร่วมการสอน โดยใช้การอภิปรายกลุ่ม ประกอบภาพพลิก แผ่นพับ จดหมายกระตุ้นเตือนส่งถึงบ้าน ส่วนกลุ่มควบคุมได้รับการสอนตามปกติจากพยาบาลวิชาชีพ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แผนการสอน ภาพพลิก แผ่นพับ แบบวัดการรับรู้ความสามารถของตนเอง และแบบสัมภาษณ์พฤติกรรมการปฏิบัติตัว เครื่องมือวิจัยไดัรับการทดสอบความตรงของเนื้อหาและความเที่ยงแล้ว จึงนำไปใช้เพื่อการรวบรวมข้อมูล ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ คือ 1. การรับรู้ความสามารถของตนเองและพฤติกรรมการปฏิบัติตัวในการป้องกันการแพร่กระจายโรคของหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นพาหะของโรคไวรัสตับอักเสบ บี หลังได้รับการสอนโดยประยุกต์ทฤษฎีการรับรู้ความสามารถของตนเองสูงกว่า ก่อนการสอนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2. การรับรู้ความสามารถของตนเองและพฤติกรรมการปฏิบัติตัวในการป้องกันการแพร่กระจายโรคของหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นพาหะของโรคไวรัสตับอักเสบ บี หลังได้รับการสอนโดยประยุกต์ทฤษฎีการรับรู้ความสามารถของตนเอง สูงกว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับการสอนตามปกติจากพยาบาลวิชาชีพอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05en
dc.description.abstractalternativeStudied effects of teaching by applying self-efficacy on self-efficacy perception and practicing preventive behavior of pregnant women with hepatitis B virus carrier. Compared self-efficacy perception and practicing preventive behavior between the experimental group who received the teaching by applying self-efficacy theory using 4 factors to enhance self-efficacy : perfomance accomplishment, vicarious experience, verbal persuasion, and emotional arousal, and control group who recieved routine advice from professional nurse. The total of 40 samples were pregnant women with hepatitis B virus carrier who attending the antenatal clinic at Chulalongkorn Hospital with 16 to 32 weeks gestational age. Before they were equally assigned into experiment and control group, they were matched by education level and economic status. The instrument developed by the investigator were lesson plan, the self-efficacy, and practicing perventive behavior interview form. All instrument have been tested for content validity and reliability and then used for data collection. The findings revealed that : 1. The mean score of self-efficacy perception and practicing preventive behavior of pregnant women with hepatitis B virus carrier in experimental group, after being taught by applying self-efficacy theory were significantly higher at .05 level than the score prior to teaching by applying self-efficacy theory. 2. The self-efficacy perception and practicing preventive behavior of pregnant women with hepatitis B virus carrier who were taught by applying self-efficacy theory, were significantly higher at .05 level than those who were recieved routine advice from professional nurse.en
dc.format.extent1047581 bytes-
dc.format.extent1190433 bytes-
dc.format.extent3474106 bytes-
dc.format.extent1342770 bytes-
dc.format.extent1694615 bytes-
dc.format.extent1222436 bytes-
dc.format.extent2745252 bytes-
dc.format.mimetypeapplication/pdf-
dc.format.mimetypeapplication/pdf-
dc.format.mimetypeapplication/pdf-
dc.format.mimetypeapplication/pdf-
dc.format.mimetypeapplication/pdf-
dc.format.mimetypeapplication/pdf-
dc.format.mimetypeapplication/pdf-
dc.language.isothes
dc.publisherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen
dc.rightsจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen
dc.subjectการสอนen
dc.subjectความสามารถในตนเองen
dc.subjectการรับรู้en
dc.subjectตับอักเสบบี -- การป้องกันและควบคุมen
dc.subjectสตรีมีครรภ์ -- สุขภาพและอนามัยen
dc.subjectภาวะแทรกซ้อนขณะมีครรภ์en
dc.titleผลการสอนโดยประยุกต์ทฤษฎีการรับรู้ความสามารถของตนเอง ต่อการรับรู้ความสามารถของตนเองและพฤติกรรมการปฏิบัติตัว ในการป้องกันการแพร่กระจายโรคของหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นพาหะ ของโรคไวรัสตับอักเสบ บีen
dc.title.alternativeEffects of teaching by applying self-efficacy theory on self efficacy perception and practicing preventive behavior of hepatitis B carrier pregnant womenen
dc.typeThesises
dc.degree.nameพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิตes
dc.degree.levelปริญญาโทes
dc.degree.disciplineการพยาบาลศึกษาes
dc.degree.grantorจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen
dc.email.advisorไม่มีข้อมูล-
Appears in Collections:Grad - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Oranuch_Cha_front.pdf1.02 MBAdobe PDFView/Open
Oranuch_Cha_ch1.pdf1.16 MBAdobe PDFView/Open
Oranuch_Cha_ch2.pdf3.39 MBAdobe PDFView/Open
Oranuch_Cha_ch3.pdf1.31 MBAdobe PDFView/Open
Oranuch_Cha_ch4.pdf1.65 MBAdobe PDFView/Open
Oranuch_Cha_ch5.pdf1.19 MBAdobe PDFView/Open
Oranuch_Cha_back.pdf2.68 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.