Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/77813
| Title: | การศึกษาเปรียบเทียบวิธีการทำความสะอาดมือโดยใช้แอลกอฮอล์ระหว่างหกและเจ็ดขั้นตอน |
| Other Titles: | A comparison between 6 and 7 step hand hygiene technique using alcohol based handrub the first randomized controlled trial |
| Authors: | จิรวัฒน์ บุพพันเหรัญ |
| Advisors: | ชุษณา สวนกระต่าย กำพล สุวรรณพิมลกุล ธนิษฐา ฉัตรสุวรรณ |
| Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะแพทยศาสตร์ |
| Issue Date: | 2563 |
| Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
| Abstract: | ที่มา: การล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เป็นสิ่งสำคัญในการลดการแพร่กระจายเชื้อในโรงพยาบาล ในปัจจุบันการล้างมือมีทั้งหมด 3 วิธี คือ 3 ขั้นตอน, 6 ขึ้นตอนและ 7 ขั้นตอน โดยพบว่าการล้างมือ 6 ขั้นตอนลดจำนวนแบคทีเรียได้ดีกว่า 3 ขั้นตอน แต่ยังไม่มีการศึกษาเปรียบเทียบการล้างมือระหว่าง 6 ขั้นตอนและ 7 ขั้นตอน วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาเปรียบเทียบอัตราส่วนของจำนวนแบคทีเรียหลังล้างมือหารด้วยจำนวนแบคทีเรียก่อนล้างมือของวิธีการล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ทั้ง 6 และ 7 ขั้นตอน วิธีการศึกษา: การวิจัยเชิงทดลองแบบสุ่มและข้ามกลุ่มในบุคคลากรของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ถึงพฤษภาคม พ.ศ.2563 โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ แพทย์, พยาบาล และนักศึกษาแพทย์ ผลการศึกษา: ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญของอัตราส่วนจำนวนแบคทีเรียหลังล้างมือเทียบก่อนล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ระหว่างหกและเจ็ดขั้นตอน (0.35 และ 0.42 ตามลำดับ, โดย p = 0.44) พื้นที่บนมือที่ไม่โดนแอลกอฮอล์ทั้งหกและเจ็ดขั้นไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ (5% เท่ากันทั้งสองวิธี, โดย p = 0.55) และพบว่าบริเวณหลังมือของนิ้วโป้งและนิ้วก้อยเป็นตำแหน่งที่ล้างมือไม่โดนมากที่สุด เวลาในการล้างมือด้วยแอลกอฮอล์โดยวิธีเจ็ดขั้นตอน (ค่ามัธยฐาน 34 วินาที) จะใช้เวลามากกว่าการล้างมือหกขั้นตอน (ค่ามัธยฐาน 30 วินาที) สรุปผล: จากการวิจัยเชิงทดลองแบบสุ่มและข้ามกลุ่มเพื่อศึกษาเปรียบเทียบวิธีการล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ระหว่างหกและเจ็ดขั้นตอน พบว่าการล้างมือด้วยวิธีหกขั้นตอนไม่ด้อยไปกว่าการล้างมือเจ็ดขั้นตอนทั้งในส่วนของจำนวนแบคทีเรียหลังล้างมือ พื้นที่มือที่ไม่สัมผัสแอลกอฮอล์ และระยะเวลาสำหรับล้างมือของหกขั้นตอนน้อยกว่าเจ็ดขั้นตอน |
| Other Abstract: | Background: There are 3 main techniques according to the international guidelines including 3-, 6-, and 7-step hand hygiene techniques. To our knowledge, there has been no randomized controlled trial comparing the microbiologic effectiveness between 6- and 7-step hand hygiene techniques using an alcohol-based handrub. Objective: To determine the microbiologic effectiveness between 6- and 7-step hand hygiene techniques using an alcohol-based handrub. Methodology: A randomized controlled crossover study was carried out in healthcare workers (HCWs) at King Chulalongkorn Memorial Hospital, an acute care teaching hospital, Bangkok, Thailand, from February to May 2020. There were 3 groups of HCWs including doctors, nurses, and medical students. Results: Of 154 participating HCWs, there were 52, 52, and 50 HCWs in the doctor, nurse, and medical student groups, respectively. The noninferiority result was observed in the ratio of the post- over pre-hand hygiene bacterial counts between the 6- and 7-step hand hygiene techniques (0.35 and 0.42 in the 6- and 7-step techniques, respectively, P=0.44). Conclusions: To our knowledge, ours is the first randomized controlled crossover study comparing the microbiologic effectiveness between 6- and 7-step hand hygiene techniques using an alcohol-based handrub. There were noninferiority results in term of the microbiologic outcomes, hand area coverage, and duration of practicing, irrespective of the groups of HCWs. In conclusion, we suggest the 6-step technique in hand hygiene practicing. |
| Description: | วิทยานิพนธ์ (วท.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2563 |
| Degree Name: | วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต |
| Degree Level: | ปริญญาโท |
| Degree Discipline: | อายุรศาสตร์ |
| URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/77813 |
| URI: | http://www.doi.org/10.58837/CHULA.THE.2020.1317 |
| metadata.dc.identifier.DOI: | 10.58837/CHULA.THE.2020.1317 |
| Type: | Thesis |
| Appears in Collections: | Med - Theses |
Files in This Item:
| File | Description | Size | Format | |
|---|---|---|---|---|
| 6174044630.pdf | 1.95 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.