การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้พลศึกษาโดยใช้แนวคิดจิตตปัญญาร่วมกับการฝึกแบบสถานีเพื่อส่งเสริมสุขภาวะองค์รวมของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย

ฐิติวัสส์ รัตนเย็นใจ

dc.contributor.advisor	สุธนะ ติงศภัทิย์
dc.contributor.advisor	จินตนา สรายุทธพิทักษ์
dc.contributor.author	ฐิติวัสส์ รัตนเย็นใจ
dc.contributor.other	จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะครุศาสตร์
dc.date.accessioned	2024-02-05T09:54:11Z
dc.date.available	2024-02-05T09:54:11Z
dc.date.issued	2566
dc.identifier.uri	https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/84135
dc.description	วิทยานิพนธ์ (ค.ด.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2566
dc.description.abstract	การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้พลศึกษาโดยใช้แนวคิดจิตตปัญญาร่วมกับการฝึกแบบสถานีเพื่อส่งเสริมสุขภาวะองค์รวมของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย2) ประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้พลศึกษาที่พัฒนาขึ้น การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ดำเนินการโดยวิเคราะห์และสังเคราะห์แนวคิดจิตตปัญญาร่วมกับการฝึกแบบสถานีเป็นรูปแบบการจัดการเรียนรู้พลศึกษาโดยใช้แนวคิดจิตตปัญญาร่วมกับการฝึกแบบสถานีเพื่อส่งเสริมสุขภาวะองค์รวมของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ดำเนินการศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้พลศึกษาที่พัฒนาขึ้นโดยกลุ่มตัวอย่าง2 กลุ่มเป็นนักเรียนในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมในเขตรุงเทพหานคร เป็นเวลา 8 สัปดาห์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าทดสอบค่าที ที่ระดับความมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลการวิจัยพบว่า:1) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นมี 4 องค์ประกอบ ได้แก่ (1) หลักการของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ (2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่คาดหวังให้เกิดขึ้น (3)ขั้นตอนการดำเนินการจัดการเรียนรู้โดยกำหนดวิธีการปฏิบัติในแต่ละกิจกรรมอย่างชัดเจน (4) การวัดและประเมินผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ 2) ผลการประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้พลศึกษา (1) ค่าเฉลี่ยของคะแนนสุขภาวะองค์รวมหลังการทดลองของกลุ่มทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (2) ค่าเฉลี่ยของคะแนนสุขภาวะองค์รวมหลังการทดลองของกลุ่มทดลองสูงกว่านักเรียนกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
dc.description.abstractalternative	This research aims to 1) develop a physical education instructional model using a contemplative approach and circuit training to enhance the holistic well-being of high school students and 2) evaluate the effectiveness of the conceptual physical education instructional model. The development of the learning management model is carried out by analyzing and synthesizing the concept of contemplative approach and circuit training to enhance the holistic well-being of high school students. The model effectiveness evaluation was conducted with two groups of students under the Ministry of Higher Education, Science, Research, and Innovation in Bangkok for 8 weeks. Data were analyzed by averaging, standard deviation, and t-test at the .05 level of statistical significance. The research findings were as follows: 1) The developed physical education instructional model consists of 4 components: (1) Principles of instructional model (2) Objective of instruction model (3) Steps of instructional model. (4) Evaluation of instruction model.2) The effectiveness results of the physical education instructional model evaluation: (1) the experiment group had holistic well-being after the experiment higher than before by statistical significance 0.05 (2) the experiment group had the average holistic well-being after the experiment higher than the control group by statistical significance 0.05
dc.language.iso	th
dc.publisher	จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
dc.rights	จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
dc.title	การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้พลศึกษาโดยใช้แนวคิดจิตตปัญญาร่วมกับการฝึกแบบสถานีเพื่อส่งเสริมสุขภาวะองค์รวมของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย
dc.title.alternative	Development of physical education instructional model using contemplative education and circuit training to enhance holistic well-being of high school students
dc.type	Thesis
dc.degree.name	ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต
dc.degree.level	ปริญญาเอก
dc.degree.discipline	สุขศึกษาและพลศึกษา
dc.degree.grantor	จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย