Abstract:
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้แบบนาโนเลิร์นนิง และเพื่อศึกษาผลของการใช้นวัตกรรมการเรียนรู้แบบนาโนเลิร์นนิงในการสร้างสรรค์งานศิลปะสำหรับนักเรียนประถมศึกษา การวิจัยนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา โดยแบ่งการวิจัยออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 การศึกษาข้อมูลจากเอกสาร งานวิจัยที่เกี่ยวข้องและการพัฒนานวัตกรรม การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 15 ท่าน ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้แบบนาโนเลิร์นนิง จำนวน 5 ท่าน ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสอนศิลปะระดับประถมศึกษา จำนวน 5 ท่าน และผู้เชี่ยวชาญทางด้านการใช้วัสดุจากสิ่งแวดล้อมในการจัดกิจกรรมศิลปะ จำนวน 5 ท่าน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ ระยะที่ 2 ทดลองใช้นวัตกรรมการเรียนรู้แบบนาโนเลิร์นนิง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือนักเรียนประถมศึกษาตอนต้นชั้นปีที่ 1-3 จากโรงเรียนวัดหนองม่วงใหม่ จังหวัดชลบุรี จำนวน 31 คน เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย นวัตกรรมการเรียนรู้แบบนาโนเลิร์นนิง ได้แก่ แผนการจัดกิจกรรม คลิปขนาดสั้น แบบประเมินความพึงพอใจสำหรับนักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียน และแบบบันทึกการสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยการหาค่าเฉลี่ย ร้อยละ และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า การพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้แบบนาโนเลิร์นนิงเพื่อส่งเสริมการเห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อมในการสร้างสรรค์งานศิลปะสำหรับนักเรียนประถมศึกษา มีหลักการคือ 1) การเรียนรู้นาโนเลิร์นนิง (Nano Learning) เป็นการเรียนรู้ขนาดเล็ก ใช้เวลาในการเรียนรู้ระยะสั้น ๆ ช่วงเวลาประมาณ 3-5 นาที 2) การเรียนรู้แบบผสมผสาน (Blended Learning) เป็นการผสมผสานระหว่างกิจกรรมและประสบการณ์ทางกายภาพและออนไลน์เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน 3) การกระตุ้นการเรียนรู้ด้วยสื่อสังคมออนไลน์เป็นการนำพื้นที่สื่อสังคมออนไลน์เป็นสื่อกลางในการเรียนรู้ 4) การเชื่อมโยงวัสดุจากสิ่งแวดล้อมสู่การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ จากแบบประเมินความพึงพอใจต่อกิจกรรมและการเห็นคุณค่าสิ่งแวดล้อมสำหรับนักเรียนประถมศึกษา พบว่า สามารถสรุปได้เป็น 2 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านนวัตกรรมการเรียนรู้แบบนาโนเลิร์นนิง นักเรียนมีความพึงพอใจในระดับมาก (M=2.58) โดยประเด็นที่นักเรียนมีระดับความพึงพอใจมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ฉันอยากเรียนด้วยคลิปขนาดสั้นอีก (M=2.84) คลิปขนาดสั้นน่าสนใจ (M=2.68) และคลิปขนาดสั้นมีตัวอักษร ภาพ เสียง ชัดเจน (M=2.68) ตามลำดับ 2) ด้านการเห็นคุณค่าสิ่งแวดล้อม นักเรียนมีความพึงพอใจในระดับมาก (M=2.77) โดยประเด็นที่นักเรียนมีระดับความพึงพอใจมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ฉันรู้สึกว่า วัสดุธรรมชาติและวัสดุเหลือใช้ มีประโยชน์ (M= 2.87) การสร้างสรรค์ศิลปะจากวัสดุธรรมชาติและวัสดุเหลือใช้ ทำให้ฉันมีความสุข (M= 2.77) ฉันชอบสร้างสรรค์งานศิลปะด้วยวัสดุธรรมชาติและวัสดุเหลือใช้ (M= 2.77) ฉันจะนำของที่ไม่ใช้แล้วมาสร้างประโยชน์อีกครั้งเพื่อลดปริมาณขยะทำให้สิ่งแวดล้อมรอบตัวฉันน่าอยู่ขึ้น (M= 2.77) ผลจากการสังเกตพฤติกรรม พบว่า นักเรียนมีระดับพฤติกรรมที่พึงประสงค์เฉลี่ยในระดับมาก (M=2.74) โดยเรียงลำดับจากพฤติกรรมที่พึงประสงค์จากมากไปหาน้อย ดังนี้ ความกระตือรือร้น (M=2.84) ภูมิใจในผลงานตัวเอง (M=2.84) การใช้วัสดุอย่างคุ้มค่า (M=2.74) และการเลือกใช้วัสดุอย่างสร้างสรรค์ (M=2.55) ตามลำดับ ผลจากสนทนากลุ่ม พบว่า 1) นักเรียนได้เรียนรู้เรื่องสีสันจากธรรมชาติ รูปร่างรูปทรง และเทคนิคศิลปะ ได้เรียนรู้วิธีการสร้างงานศิลปะจากวัสดุธรรมชาติและวัสดุเหลือใช้ 2) วัสดุที่นักเรียนชอบที่สุด ได้แก่ วัสดุเหลือใช้ คือ กระดาษลัง เพราะสามารถทำได้ง่าย ตัดได้ง่าย ใช้ตกแต่งได้อย่างหลากหลาย รวมถึงชอบใบไม้และดอกไม้ด้วย เพราะมีความสวยงาม และนำไปทำงานศิลปะได้ง่าย 3) นักเรียนรู้สึก สนุก มีความสุข สบาย ดีใจ และแปลกใหม่ เพราะชอบทำงานศิลปะ และไม่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม 4) นักเรียนมีวิธีการสร้างประโยชน์จากของที่ไม่ได้ใช้แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยนำวัสดุเหลือใช้ไปประดิษฐ์ของเล่น เช่น จรวด ตุ๊กตา รถ ฯลฯ รวมถึงเห็นโอกาสในการสร้างมูลค่าให้กับของเหลือใช้ได้