ปัจจัยที่มีผลต่อการผลิตไมโครแคปซูลของบีตาแคโรทีนด้วยวิธีออริฟิซ

Abstract

ศึกษาลักษณะต่างๆ ของไมโครแคปซูลของบีตาแคโรทีน ซี่งผลิตขึ้นจากเครื่องมือสำหรับผลิตไมโครแคปซูลแบบง่ายๆ ที่สร้างขึ้น ส่วนประกอบหลักๆ ของเครื่องมือนี้ประกอบด้วย bi-fluid nozzle needle valve ที่ต่อเข้ากับ flow meter ถังเก็บวัสดุแกน ถังเก็บ สารเคลือบ และถังก๊าซไนโตรเจน การผลิตไมโครแคปซูลของบีตาแคโรทีน ทำได้โดยการป้อนสารละลายบีตาแคโรทีนในน้ำมันรำข้าวที่มีความเข้มข้น 0.25% โดยน้ำหนัก ซึ่งเป็นวัสดุแกนเข้าสู่ท่อด้านในของ bi-fluid nozzle ที่อัตราการไหล 0.57 และ 0.87 มิลลิลิตร/นาที ในขณะที่ป้อนสารละลายโซเดียมอัลจิเนตที่มีความเข้มข้น 1.50%โดยน้ำหนัก ซึ่งเป็นสารเคลือบเข้าสู่ท่อด้านนอกของ bi-fluid nozzle ที่อัตราการไหล 7.11, 10.03 และ 14.51 มิลลิลิตร/นาที หลังจากนั้นจึงทำให้ไมโครแคปซูลแข็งตัวในสารละลายแคลเซียมคลอไรด์ที่มีความ เข้มข้น 5.0% โดยน้ำหนัก แล้วนำไมโครแคปซูลไปอบในตู้อบสุญญากาศที่อุณหภูมิ 50 ํC นาน 5 ชั่วโมง จากการศึกษาลักษณะต่างๆ ของไมโครแคปซูลพบว่า ไมโครแคปซูลที่ผลิตได้จากทุกสภาวะ มีวัสดุแกนเพียงอนุภาคเดียวอยู่ภายในไมโครแคปซูล (mono-nucleus microcapsule) อัตราการไหลของวัสดุแกนและสารเคลือบเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อขนาดอนุภาคของ วัสดุแกน ความหนาของผนัง อัตราการผลิต น้ำหนัก ขนาด ปริมาณความชื้น พารามิเตอร์ค่าสี และค่า hardness ของไมโครแคปซูลอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<=0.05) เมื่ออัตราการไหลของวัสดุแกนและสารเคลือบเพิ่มขึ้น ทำให้อัตราการผลิตทั้งที่แสดงอยู่ในหน่วย "ไมโครแคปซูล/นาที" และ "กรัม/นาที" และพารามิเตอร์ค่าสี "a*" และ "b*" ของไมโครแคปซูลมีค่าเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่า เมื่ออัตราการไหลของวัสดุแกนลดลง ในขณะที่อัตราการไหลของสารเคลือบเพิ่มขึ้น ทำให้ขนาดอนุภาคของวัสดุแกน น้ำหนัก และขนาดของไมโครแคปซูลมีค่าลดลง ในขณะที่ผนังของไมโครแคปซูลจะมีความหนามากขึ้น ซึ่งความหนาของผนังที่เพิ่มขึ้นนี้ ทำให้ไมโครแคปซูลมีปริมาณความชื้นและค่า hardness เพิ่มขึ้น