Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/16179
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorเทพประสิทธิ์ กุลธวัชวิชัย-
dc.contributor.authorรังสฤษฏ์ จำเริญ-
dc.contributor.otherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะครุศาสตร์-
dc.date.accessioned2011-10-23T12:45:50Z-
dc.date.available2011-10-23T12:45:50Z-
dc.date.issued2552-
dc.identifier.urihttp://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/16179-
dc.descriptionวิทยานิพนธ์ (ค.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2552en
dc.description.abstractการวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาผลของการฝึกเสริมด้วยการฝึกเชิงซ้อนที่มีต่อความเร็วในการ เตะเหยียบลงของนักกีฬาเทควันโดในระดับมหาวิทยาลัย กลุ่มตัวอย่างเป็นนักกีฬาเทควันโดชายของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อายุระหว่าง 18 - 24 ปี โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง จำนวน 20 คน จากนั้นจัดกลุ่มกำหนดให้มีความเร็วในการเตะเหยียบลงที่ใกล้เคียงกัน กลุ่มละ10 คน สองกลุ่ม กลุ่มควบคุม ฝึกโปรแกรมการฝึกตามโปรแกรมปกติ กลุ่มทดลองฝึกโปรแกรมการฝึกเสริมด้วยการฝึกเชิงซ้อนในการเตะ เหยียบลงควบคู่กับโปรแกรมตามปกติ ใช้เวลาในการทดลอง 8 สัปดาห์ๆ ละ 2 วัน ทำการทดสอบความเร็วใน การเตะเหยียบลง ก่อนการทดลอง หลังการทดลอง 4 สัปดาห์ และหลังการทดลอง 8 สัปดาห์ นำผลที่ได้มา วิเคราะห์ทางสถิติ โดยหาค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบค่า “ที” วิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว แบบวัดซ้ำ ถ้าพบความแตกต่างให้เปรียบเทียบเป็นรายคู่ โดยใช้วิธีการทดสอบของ แอล เอส ดี ผลการวิจัยพบว่า 1.หลังการทดลองสัปดาห์ที่ 8 ความเร็วในการเตะเหยียบลงของกลุ่มที่ีฝึกเสริมด้วยโปรแกรมการฝึก เชิงซ้อนในการเตะเหยียบลงในขาข้างที่ถนัดจะมีความเร็วเฉลี่ยในการเตะเหยียบลงดีกว่าก่อนการทดลองและ หลังการทดลองสัปดาห์ที่ 4 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2.หลังการทดลองสัปดาห์ที่ 8 ความเร็วในการเตะเหยียบลงของกลุ่มที่ฝึกเสริมด้วยโปรแกรมการฝึก เชิงซ้อนในการเตะเหยียบลงในขาข้างที่ถนัดจะมีความเร็วเฉลี่ยในการเตะเหยียบลงดีกว่าของกลุ่มที่ฝึก โปรแกรมการฝึกแบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05en
dc.description.abstractalternativeThe purpose of this research was to study the effects of supplymentary complex training on chopkick speed of taekwondo players in universities. The subjects were 20 male taekwondo players from Chulalongkorn University aged between 18 - 24 year old. They were purposively sampled and divided equally in two groups by match group method. The control group was trained with normal program and the experimental group was trained with normal program and complex training supplementary program. The period of practice was 2 days per week and total duration of 8 weeks. The measure for testing the sample’s speed of chopkick of taekwondo was implemented before, after 4 weeks and after 8 weeks in terms of the means, standard diviations, t - test and one way analysis of variance with repeated measures. Any differences between in pairs were then compared by using LSD method at the .05 significant level. Research results showed that : 1. After 8 week, the experimental group that trained by complex training program with the dominant leg had significant speed of chopkick better than that of before trained and after training 4 week at the .05 level. 2. After 8 week, the experimental group that trained by supplemental complex training program by the dominant leg had significant speed of chopkick better than that of the control group with normal program at the .05 level.en
dc.format.extent1503726 bytes-
dc.format.mimetypeapplication/pdf-
dc.language.isothes
dc.publisherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen
dc.relation.urihttp://doi.org/10.14457/CU.the.2009.521-
dc.rightsจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen
dc.subjectเทควันโด -- การฝึกen
dc.subjectการฝึกกีฬาen
dc.titleผลของการฝึกเสริมด้วยการฝึกซ้อนที่มีต่อความเร็วในการเตะเหยียบลงของนักกีฬาเทควันโดในมหาวิทยาลัยen
dc.title.alternativeEffects of supplementary complex training on chopkick speed of taekwondo players in universitiesen
dc.typeThesises
dc.degree.nameครุศาสตรมหาบัณฑิตes
dc.degree.levelปริญญาโทes
dc.degree.disciplineพลศึกษาes
dc.degree.grantorจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen
dc.email.advisorTepprasit.G@chula.ac.th-
dc.identifier.DOI10.14457/CU.the.2009.521-
Appears in Collections:Edu - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
rangsarit_ja.pdf1.47 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.