Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/25642
Title: บทบาทของพลเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา ในฐานะนายกรัฐมนตรี ในระยะหกปีแรกของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง (พ.ศ. 2476-2481)
Other Titles: The role of GenCeral Phya Baholpolpayuhasena as prime minister during the first six years of the change of the Thai regime (A.D.1933-1938)
Authors: รัศมี ชาตะสิงห
Advisors: รอง ศยามานนท์
Other author: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บัณฑิตวิทยาลัย
Issue Date: 2521
Publisher: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Abstract: การเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ซึ่งได้มีกลุ่มบุคคลอันประกอบด้วยคณะทหารบก ทหารเรือ และพลเรือน เรียกตัวเองว่า “คณะราษฎร” เข้ายึดอำนาจในการปกครองประเทศจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว แล้วทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตย นับเป็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญที่สุดของประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศไทย พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) เป็นผู้หนึ่งที่เข้าร่วมในการยึดอำนาจครั้งนี้ด้วย โดยท่านได้รับการยกย่องให้เป็นหัวหน้าหรือผู้นำในการกระทำดังกล่าว เนื่องจากท่านเป็นผู้มีอาวุโส เป็นที่รักใคร่ของบรรดานายทหารชั้นผู้ใหญ่และชั้นผู้น้อยโดยทั่วไป นอกจากนี้ท่านยังเป็นผู้ที่มีความรอบคอบระมัดระวังในการทำงานอีกด้วย ต่อมาเมื่อกลุ่มบุคคล “คณะราษฎร”ได้ตั้งตนเป็นรัฐบาลทำการบริหารประเทศตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้ได้เพียงไม่ถึงขวบปีความขัดแย้งและแตกแยกภายในคณะราษฎรก็ได้ปรากฏขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่บรรดาผู้นำชั้นสูง จนไม่สามารถที่จะประสานรอยร้าวกันได้ในเรื่องของแนวความคิด อุดมการณ์และผลประโยชน์ อันจะนำมาซึ่งความแตกสามัคคีของคนในชาติ และความหายนะมาสู่ประเทศชาติ พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนาพร้อมทั้งผู้ช่วยของท่าน คือ พันโท หลวงพิบูลสงคราม นาวาโท หลวงศุภชลาศัยและหลวงนฤเบศร์มานิตทำการรัฐประหารเข้ายึดอำนาจการปกครองอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนาได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นผู้ที่ไว้วางใจจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรส่วนใหญ่ รวมทั้งเป็นที่นิยมของประชาชนโดยทั่วไปอีกด้วยท่านได้ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศถึง 5 สมัยเป็นระยะเวลานานเกือบ 6 ปี นับว่าเป็นระยะเวลาที่นานพอสมควร ที่พอจะเปิดโอกาสให้รัฐบาลของท่านได้ใช้ความรู้ความสามารถพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับอารยะประเทศ ในสมัยนี้ท่านได้จัดให้มีการเลือกตั้งถึง 3 ครั้ง เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการบริหารประเทศ นอกจากนี้ ผลงานที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การแก้ไขสนธิสัญญาความไม่เป็นธรรมทั้งด้านการศาลและการกำหนดอัตราศุลกากร ที่ประเทศไทยต้องเสียเปรียบต่างชาติมาเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาเกือบ 6 ปี แม้ว่าภารกิจของรัฐบาลชุดนี้จะไม่สำเร็จสมบูรณ์ทุกอย่างเนื่องมีอุปสรรคทางการเมืองเกิดขึ้นหลายครั้ง เช่น กบฏบวรเดช กบฏนายสิบ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวสละราชสมบัติ รวมทั้งการกวาดล้างจับกุมผู้ที่จะเป็นภัยต่อรัฐบาลและกล่าวร้ายดูหมิ่นรัฐธรรมนูญ แต่ผลงานของรัฐบาลของพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนาในระยะเริ่มแรกของประชาธิปไตยถือเสมือนเป็นการปูพื้นฐานการพัฒนาประเทศให้แก่รัฐบาลชุดต่อไป วิทยานิพนธ์ฉบับนี้เป็นการศึกษาผลงานและบทบาทของรัฐบาลของพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา ในด้านต่าง ๆ ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม วัฒนธรรม และการต่างประเทศ ตั้งแต่ พ. ศ. 2476 – 2481 เป็นเวลา 5 ปีเศษโดยอาศัยข้อปฐมภูมิทางประวัติศาสตร์จากหน่วยราชการ เช่น สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และสภาผู้แทนราษฎร เป็นพื้นฐานในการศึกษา สรุปผลจากการใช้ข้อมูลปฐมภูมิดังกล่าวมาแล้ว ชี้ให้เห็นว่า พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นนักการเมืองและเป็นทหารที่แม้ว่าจะมีอำนาจอยู่ในมือ แต่ท่านมิได้แสวงหาอำนาจและผลประโยชน์ใด ๆ ให้แก่ตนเองหรือครอบครัวอย่างเช่นนักการเมืองหรือผู้ก่อการบางคนกระทำกัน ถือได้ว่าท่านเป็นนักการเมืองที่มีจิตใจบริสุทธิ์และมีความจริงใจในการบริหารประเทศชาติอย่างแท้จริง รวมทั้งเป็นผู้ที่ต้องการเห็นประเทศชาติเจริญก้าวหน้าตามครรลองแห่งการปกครองระบอบประชาธิปไตย ในบั้นปลายของชีวิตของท่านผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “เชษฐบุรุษ” ของประเทศไทยและได้ยึดคติพจน์ที่ว่า “ชาติเสือต้องไว้ลาย ชาติชายต้องไว้ชื่อ” เสมอมานั้น ท่านได้ชื่อว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่ยากจนที่สุดของประเทศจนกระทั่งปัจจุบันนี้
Other Abstract: On June 24, 1932, a group of people consisting of officers from the Army and the Navy as well as civilians who called themselves “The People’s Party”, seized the power from King Prajadhipok. Their objective was to change the regime from Absolute Monarchy to Democracy. This political event was the most important revolution in Thai history. Colonel Phya Baholpolpayuhasena (Phot Baholyothin) was one who was involved in this event. Being a circumspective man of high seniority and admirable personality among the commissioned and non-commissioned officers, he was honorably chosen as Chief of the Party. After the revolution, the first democratic government under Phya Manopakonnitithada was urgently formed. But, in less than one year, it collapsed because of the conflict in ideology and vested interests within the group. This led to the breach of unity among Thai people, especially among the top leaders. On June 20, 1933, a coup d’etat was staged being led by Colonel Phya Baholpolpayuhasena who had as his assistants Lieutenant-Colonel Luang Pibulsonggram, Commander Luang Suphachalasai R.T.N., and Luang narubesr Manit. Colonel Phya Baholpolpayuhasena was appointed Prime Minister by the King with the approval of the Members of the Parliament. A popular person among Thai people, he was the leader of the country five times for nearly six consecutive years. This was a period long enough for him to utilize his knowledge and capability in administrating the country so that it would become a democratic one. He tried to develop the country in all aspects: economic, social, cultural as well as political. In his period, three elections were organize in order to provide a chance for the people to participate in the administration. Above all, his important success was the correction of unequal treaties concerning both the court and the customs rates. These treaties had put Thailand in a disadvantageous position for a long time. However, in his office, the government’s tasks were interfered by many political obstacles such as Bowondet’s abortive Coup,abdication of king Prajadhipok, the Non Commissioned officier’s Coup and so on, but the government of Colonel Phya Baholpolpayuhasena seemed to have laid the foundation for the development in the long run for the later governments. This Thesis is a study of the word and role of Colonel Phya Banolpolpayuhasena as a Prime Minister of Thailand from A.D. 1933 to A.D.1938 in various aspects: political, economic and social as well as that regarding foreign relation. The study is based on primary historical sources from many government organizations such as the Secratariat of the Cabinet and the House of Parliament. In conclusion, all the primary historical sources concerned indicate that Colonel Phya Baholpolpayuhasena was a politician and military officer who had absolute power in his hands but who did not exploit his authority to the advantages of his own and his family as some politicians or activists do. He was a virtuous politician who was loyal to the country. He wanted to see Thailand become a developing democratic nation. For the rest of his life, he was honored as the “Elder Statesman” of Thailand. He had motto “As a tiger keeps its stripes, so will a man keeps his reputation”. He has been name the poorest Prime Minister of the country since then.
Description: วิทยานิพนธ์ (อ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2521
Degree Name: อักษรศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level: ปริญญาโท
Degree Discipline: ประวัติศาสตร์
URI: http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/25642
Type: Thesis
Appears in Collections:Grad - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Rassamee_Ch_front.pdf682.65 kBAdobe PDFView/Open
Rassamee_Ch_ch1.pdf341.5 kBAdobe PDFView/Open
Rassamee_Ch_ch2.pdf1.26 MBAdobe PDFView/Open
Rassamee_Ch_ch3.pdf8.77 MBAdobe PDFView/Open
Rassamee_Ch_ch4.pdf3.41 MBAdobe PDFView/Open
Rassamee_Ch_ch5.pdf3.59 MBAdobe PDFView/Open
Rassamee_Ch_ch6.pdf2.35 MBAdobe PDFView/Open
Rassamee_Ch_ch7.pdf402.07 kBAdobe PDFView/Open
Rassamee_Ch_back.pdf1.66 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.