การพัฒนาอาหารเม็ดที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงเพื่อความสมบูรณ์พันธุ์ของกุ้งกุลาดำ Penaeus monodon เพศผู้

Abstract

นำกุ้งกุลาดำในวัยเจริญพันธุ์เพศผู้น้ำหนักประมาณ 80-120 กรัม จากบ่อดิน มาทดลองเลี้ยงในบ่อซีเมนต์เป็นเวลา 1 เดือน ให้อาหาร 4 สูตรคือ 1) อาหารธรรมชาติ เป็นชุดควบคุม 2) อาหารเม็ดทดลอง 3) อาหารเม็ดทดลองสลับกับอาหารธรรมชาติ และ 4) อาหารพ่อแม่พันธุ์จากต่างประเทศ เพื่อศึกษาผลของอาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ต่อคุณภาพสเปิร์มในระบบสืบพันธุ์ของกุ้งกุลาดำเพศผู้ โดยเปรียบเทียบคุณภาพระหว่างกุ้งก่อนการทดลอง, กุ้งหลังการทดลอง และกุ้งจากธรรมชาติ ตัวชี้วัดคือ จำนวนสเปิร์มสุทธิ, น้ำหนักของถุงสเปิร์ม, เปอร์เซ็นต์สเปิร์มที่มีชีวิต และเปอร์เซ็นต์สเปิร์มที่ผิดปกติ นอกจากนี้ยังศึกษา ปริมาณการสะสมกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง อันได้แก่ AA (20: 4n-6), EPA (20: 5n-3) และ DHA (22: 6n-3) ในอวัยวะสืบพันธุ์ กล้ามเนื้อ และตับ สามารถนำกุ้งบ่อดินในวัยเจริญพันธุ์ มาบำรุงเพื่อให้เป็นพ่อพันธุ์ แทนกุ้งจากธรรมชาติได้เป็นอย่างดี เนื่องจากคุณภาพของระบบสืบพันธุ์ที่ได้ไม่แตกต่างกัน แม้ระยะเวลาในการเลี้ยงจะผ่านไป 1 เดือน โดยไม่ทำให้คุณภาพของระบบสืบพันธุ์เสื่อมถอยลง อาหารที่ส่งเสริมคุณภาพของระบบสืบพันธุ์กุ้งเพศผู้จากบ่อดินได้ดีที่สุดคือ อาหารเม็ดทดลองสลับกับอาหารธรรมชาติ โดยทำให้จำนวนสเปิร์มสุทธิ, น้ำหนักของถุงสเปิร์ม, และเปอร์เซ็นต์สเปิร์มที่มีชีวิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนเปอร์เซ็นต์สเปิร์มที่ผิดปกติ ลดต่ำลงเมื่อเทียบกับก่อนการทดลอง อาหารเม็ดเพียงอย่างเดียวทั้งในอาหารเม็ดทดลอง และอาการเม็ดพ่อแม่พันธุ์ตลาด ไม่สามารถส่งเสริมคุณภาพของระบบสืบพันธุ์กุ้งเพศผู้ให้ดีขึ้นได้ และอาหารธรรมชาติเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถส่งเสริมคุณภาพของสเปิร์มเช่นกัน AA เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ที่พบในอวัยวะสืบพันธุ์มากที่สุด รองลงมาคือ DHA และ EPA โดยพบ AA ในอาหารทดลองมากสุด DHA สะสมในอาหารพ่อแม่พันธุ์ตลาดมากสุด และไม่พบรูปแบบการเคลื่อนย้ายของกรดไขมันเหล่านี้จากอวัยวะหนึ่งไปสู่อวัยวะหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจากการสะสมกรดไขมันเหล่านี้นั้นได้รับอิทธิพลจากอาหารเป็นหลัก