การเปรียบเทียบสัมฤทธิผลในการอ่านของนักเรียนชั้นประถมปีที่หนึ่ง ที่สอนโดยวิธีสะกดแบบแจกลูกกับแบบเสียงไหล

Abstract

ความมุ่งหมายของการวิจัยนี้เพื่อเปรียบเทียบสัมฤทธิผลการอ่านภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง ที่สอนโดยวิธีสะกดแบบแจกลูกกับแบบเสียงไหล ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิจัยกับกลุ่มตัวอย่างประชากรทั้ง 2 กลุ่ม ซึ่งสุ่มมาจากนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่งของโรงเรียนวัดราษฎร์ศรัทธาธรรม จำนวน 60 คน และโรงเรียนวัดสร้อยทอง จำนวน 58 คน แล้วนำมาจับคู่ด้วยคะแนนที่ได้จากแบบทดสอบความพร้อมในการอ่านของ นางสาวพรรณี ชูทัย เพื่อให้ได้ตัวอย่างประชากรที่มีพื้นฐานความรู้ทางการอ่านเท่ากัน 30 คู่ ผู้วิจัยได้ดำเนินการสอนกลุ่มตัวอย่างประชากรที่ได้จากโรงเรียนวัดราษฎร์ศรัทธาธรรม โดยใช้วิธีสอนการสะกดแบบแจกลูกตามบันทึกการสอนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ใช้เวลาในการสอน 6 ครั้งๆ ละ 3 คาบเวลา จากนั้นให้ฝึกทักษะในแบบฝึกหัด ซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้นเพื่อเป็นการย้ำความเข้าใจ ส่วนกลุ่มตัวอย่างประชากรที่ได้จากโรงเรียนวัดสร้อยทองนั้นเป็นกลุ่มควบคุม ซึ่งผู้วิจัยได้ดำเนินการสอนโดยใช้วิธีสอนการสะกดแบบเสียงไหลตามแผนการสอนและคู่มือครูของกรมวิชาการ แผนที่ 23,24,25,26,27 และ 28 เมื่อสอนจบตามเนื้อหาที่กำหนดแล้วได้ทดสอบสัมฤทธิผลการอ่านด้วยเครื่องมือทดสอบสัมฤทธิผลการอ่านที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นกับตัวอย่างประชากรทั้ง 2 กลุ่ม คือ กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม พร้อมทั้งบันทึกพฤติกรรมในการอ่านด้วยแบบสังเกตพฤติกรรมการอ่านซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้นแล้วนำคะแนนที่ได้จากการทดสอบของตัวอย่างประชากรทั้ง 2 กลุ่ม มาทดสอบความมีนัยสำคัญด้วยค่า t ผลปรากฏว่า กลุ่มทดลองมีผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01

Purpose : The purpose of this research was to compare The achievement scores in reading Thai words of Prathom Suksa One students, between using Phonic and Flowing sound method. Procedure : Two groups of Prathom one students were randomized as samples for the research, 60 students from Wat Rajsatthathum School and 58 from Wat Soythong School, matched by pair using reading readiness test constructed by Miss Pannee Chootai, in order to obtain 30 pairs of sampled population who gained the same readiness Scores. The lesson plan was designed by the researcher using phonic method and was taught by the researcher herself to Wat Rajsatthathum Students which were the experimental group within six times and three period mudules for one time in teaching. The skilled practices were given as the exercises designed by researcher in order to reinforce the students comprehension. At the same time the controlled group which were students from Wat Soythong School, was also taught by the Researcher herself, using the Flowing sound method presented in lesson plans and teacher’s guide books from the Academic Department, plan no. 23,24,25,26,27 and 28. After teaching session both sampled groups were taken reading achievement test and were recorded reading behavior with reading observatory scale. The obtained scoress were analyzed in order to compare the two teaching methods by using t-test. Finding : The reading achievement of the experimental group was significantly higher than the controlled group at the .01 level.