การบริหารงานพันธบัตร

Abstract

การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาปัญหาการบริหารพันธบัตรในตลาดแรกและตลาดรองและแนวทางแก้ไขเพื่อการพัฒนาการบริหารพันธบัตร ผลการศึกษาวิเคราะห์วิจัยพบว่า การบริหารตลาดแรกและตลาดรองมีปัญหา 6 ประการ คือ 1. อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรปรับเปลี่ยนบ่อยเฉลี่ยปีละ 2-3 ครั้ง ทำให้เกิดความสับสนในหมู่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ใบพันธบัตร และเกิดความยุ่งยากในการจัดการ สามารถแก้ไขโดยให้อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลขึ้นลงตามค่าเฉลี่ยของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารพาณิชย์ 2. การเก็บภาษีเงินได้ดอกเบี้ยพันธบัตร เฉพาะส่วนที่เกินกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ ก่อให้เกิดความไม่มั่นใจแก่ผู้ลงทุนในพันธบัตร ถ้าหากใช้ค่าเฉลี่ยของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ ในวันที่ออกพันธบัตรมาคำนวณภาษีเงินได้ จะทำให้ผู้ลงทุนสามารถทราบผลตอบแทนได้แน่นอน และทางการสามารถประมาณการรายได้รายจ่ายล่วงหน้าได้ด้วย 3. การขาดแคลนพันธบัตรที่ออกจำหน่าย เนื่องจากทางการมีนโยบายลดการกู้เงินภายในประเทศนั้นลง หากเปลี่ยนหลักเกณฑ์การดำรงพันธบัตรรัฐบาลของธนาคารพาณิชย์ตามเงื่อนไขการเปิดสาขาลดลงจากร้อยละ 16 ให้เหลือร้อยละ 14 เท่ากันทุกธนาคาร จะช่วยให้มีพันธบัตรเหลือเพียงพอจำหน่ายในตลาดแรกและตลาดรองด้วย 4. ค่าธรรมเนียมที่ให้แก่ตัวแทนจำหน่ายไม่จูงใจที่จะให้มีการขยายพันธบัตรออกไปสู่ประชาชนนั้น ถ้ามีการอนุญาตให้นำมูลค่าพันธบัตรมาพิจารณาในการจัดสรรวงเงินให้กู้และซื้อลดตั๋วเงินให้แก่ธนาคารพาณิชย์ และการให้เงินรางวัลแก่เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของหน่วยงานที่เป็นตัวแทนจำหน่ายแล้ว จะเป็นสิ่งจูงใจให้มีการจำหน่ายพันธบัตรได้มากขึ้น 5. สถานที่จดทะเบียนกรรมสิทธิ์มีน้อยเกินไปเพียง 4 แห่ง ณ ธนาคารแห่งประเทศไทย และสาขาของธนาคารนั้น ถ้าเพิ่มพันธบัตรเป็นประเภทผู้ถือ จะช่วยให้เกิดความคล่องตัวขึ้น และการขยายสาขาของธนาคารแห่งประเทศไทยอีกหลายแห่งในเวลาไม่นาน คงแก้ปัญหานี้ได้ 6. การประสานในตลาดรองที่ยังมีน้อยมากนั้น ถ้าแก้ไขได้ ถ้านำเทคโนโลยีสมัยใหม่ทางด้านคอมพิวเตอร์และใช้ระบบศูนย์สารนิเทศข้อมูล โดยมีศูนย์กลาง ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ณ ธนาคารพาณิชย์แห่งใดแห่งหนึ่ง จะช่วยอำนวยความสะดวกในการติดต่อระหว่างตลาดรองต่างๆ ได้