การสืบพยานบุคคลในคดีอาญาโดยใช้สื่อภาพและเสียงเชิงปฏิสัมพันธ์

Abstract

เครื่องมือการสื่อสารที่เรียกว่า Video Conferencing เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เป็นการ สื่อสารแบบ two way communication โดยสัญญาณภาพและเสียงจะถูกส่งไปในท่อสัญญาณเดียวกันทั้งไปและกลับ ผู้ส่งสัญญาณและผู้รับสัญญาณสามารถติดต่อสื่อสารโต้ตอบกันได้โดยจะเห็นภาพของบุคคลและเหตุการณ์ซึ่งกันและกันทั้งในระยะทางห่างไกลหรือในระยะใกล้เพียงแค่ห้องติดกัน หากนำ Video Conferencing มาปรับใช้ในการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล ก็อาจนำมาใช้ในขั้นตอนการสืบพยานบุคคลได้เพื่อวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือประการแรกเป็นการใช้สื่อในระยะใกล้ พยานและจำเลยอาจอยู่ในสถานที่เดียวกันแต่มิได้ เผชิญหน้ากันทั้งนี้เพื่อปกป้องคุ้มครองพยานซึ่งถือว่าเป็นมาตรการใหม่ที่จะคุ้มครองพยานและช่วยให้ศาลสามารถแสวงหาข้อเท็จจริงในคดีได้ดียิ่งขึ้น ประการที่สองเป็นการใช้สื่อในระยะห่างไกล เพื่อความสะดวกรวดเร็วโดยที่พยานไม่ต้องเดินทางมาเบิกความต่อศาล การนำเทคโนโลยีการสื่อสารดังกล่าวมาใช้ในการสืบพยานของศาล จะทำให้บุคคลทุกฝ่ายอันได้แก่ ศาล พยาน คู่ความ และสาธารณชนสามารถมาอยู่พร้อมหน้ากันได้โดยผ่านสื่อ อันเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบการดำเนินกระบวนพิจารณา แต่หลักในการดำเนินคดีอาญาต้องสืบพยาน เผชิญหน้าจำเลย จึงทำให้การใช้สื่อดังกล่าวต้องถูกจำกัดให้ใช้เฉพาะกรณีที่เหมาะสมและจำเป็นเท่านั้น เช่น ในคดีที่พยานเป็นเด็กหรือผู้เสียหายที่ถูกทำร้ายทางเพศ หรือใช้ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ 9 และ 10 นอกจากนี้ยังอาจนำเครื่องมือสื่อสารดังกล่าวมาใช้ในการสืบพยานในสถานการณ์บางประเภทได้ เช่นการส่งประเด็นไปสืบพยาน ณ ศาลอื่นเฉพาะกรณีที่จำเลยสละสิทธิตามประเด็น หรือ พยานอยู่นอกราชอาณาจักร หรือกรณีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม และการสืบพยานโดยใช้สื่อภาพและ เสียงนี้ไม่เป็นการขัดต่อหลักการเผชิญหน้าจำเลย ทั้งมีความน่าเชื่อถือสามารถรับฟังเป็นพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ความผิดหรือความบริสุทธิ์ของจำเลยได้