Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/29182
Title: | การวิเคราะห์โครงสร้างการบริหารสถาบันอุดมศึกษาไทย |
Other Titles: | An analysis of administrative structures of Thai higher education institutions |
Authors: | เสนาะ เพียรธัญกรณ์ |
Advisors: | ประกอบ คุปรัตน์ |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บัณฑิตวิทยาลัย |
Issue Date: | 2531 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | ผลการวิจัยพบว่า สถาบันอุดมศึกษาใหญ่ส่วนใหญ่หน่วยราชการมีฐานะเทียบเท่ากรม มี หลายหน่วยงานเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ มีโครงสร้างการบริหารหลักคล้ายกัน คือ มีพระราชบัญญัติซึ่งกำหนดโครงสร้าง องค์ประกอบ อำนาจหน้าที่และบทบาทของแต่ละอย่างไว้ชัดเจน ได้แก่ สภาสถาบัน ผู้บริหาร และรูปแบบการบริหารภายใน สรุปได้ดังนี้ สภาสถาบันเป็นองค์การบริหารสูงสุด มีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการทั่วไปของสถาบันโดยมีอธิการบดี(อธิการ) เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดและรับผิดชอบงานทั้งปวง มีคณบดี(หัวหน้าคณะวิชา) เป็นผู้บังคับบัญชาและผู้บริหารระดับกลาง มีหัวหน้าภาคเป็นผู้บริหารระดับล่างหรือระดับปฏิบัติการ รูปแบบการบริหารภายในใช้รูปแบบราชการผสมผสานกับรูปแบบคณะกรรมการ ยกเว้นมหาวิทยาลัยสงฆ์ สถาบันอุดมศึกษาเอกชนและสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย(เอไอที) ซึ่งมีลักษณะเฉพาะ องค์ประกอบของสภาสถาบันมีแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่จะประกอบด้วย นายกสภาอุปนายกฝ่ายบริหาร(โดยตำแหน่งหรือผู้แทน) ผู้ทรงคุณวุฒิ(5-15 คน) และหรือผู้แทนคณาจารย์ หรือ กรรมการโดยตำแหน่งจากภายนอกหรือภายในบางตำแหน่งที่เกี่ยวข้องโดยตรง และเลขานุการ จำนวนกรรมการสภาจะมีอยู่ระหว่าง 16-46 คน แค่จำนวนที่เหมาะสม คือ 30-36 คน สัดส่วนของกรรมการสภามีแนวโน้มจะเป็นแบบไตรภาคีมากขึ้น รูปแบบสภาผู้บริหารเริ่มลดลง ส่วนรูปแบบอื่น ๆ มีน้อย อำนาจหน้าที่และบทบาทขององค์ประกอบแต่ละประเภทพบว่า สภาสถาบันมีอำนาจหน้าที่ และบทบาทลดลง กลายเป็นสภารับรู้ รับทราบ หรือ "สภาตรายาง" อธิการบดี ที่ประชุมคณบดี และทบวงมหาวิทยาลัยมีอำนาจหน้าที่ และบทบาทมากขึ้น กระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติมีอำนาจหน้าที่ และบทบาทลดลงและไม่ชัดเจน ถึงอย่างไรก็ตามในอนาคตโครงสร้างการบริหารสถาบันอุดมศึกษาไทยส่วนใหญ่ก็ยังคงอยู่ในระบบราชการ เช่นทุกวันนี้ แต่จะปรับปรุงพระราชบัญญัติสถาบัน กฎหมายอื่น ระเบียบ ข้อบังคับ ฯลฯ ให้มีความคล่องตัวและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันมากขึ้น |
Other Abstract: | The study indicated that, most of Thai Higher Education Institutions were of a departmental equivalence in status and were the jurisdiction of various agencies. Their administrative structures were similar, that is, the institutional charters defined clearly the organizations, structures, functions as well as the responsibilities of its administrative body. The board of trustees had the highest administrative power. It oversaw the general administration of the institution. The rectors were the chief executive officers and immediately under them were the deans of the faculties; while the heads of the departments were at the lowest in the administrative hierarchy. As to the internal administrative set-up, it was a mixture of bureaucratic organization and a committee framework. The exceptions were those of the Buddhist colleges, Private Institutions and the AIT. The composition of the board of trustees differed slightly from one institution to the others. The board consisted of representatives from the administration, outsiders and teachers. The members of board varied from 16-46 persons but the effective board seemed to have 30-36 persons. Many boards increasingly became a tri-party, while the board dominated mostly by administration gradually disappeared. It was also indicated that, the authority and roles of the board of trustees were decreasing. Often it was known as the acknowledged board, or a "rubber-stamp board." Meanwhile the rectors, the inner cabinet of deans and vice rectors, and the Ministry of University Affairs assumed more and more power. The Ministry of Education and The National Education Commission had no clear-cut roles and possessed dismal authority. However, in the future the Administrative Structures of Thai Higher Education Institutions will retain its bureaucratic posture as that of the present. Changes will come only in the reform of laws, and regulations to meet the current demands. |
Description: | วิทยานิพนธ์ (ค.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2531 |
Degree Name: | ครุศาสตรมหาบัณฑิต |
Degree Level: | ปริญญาโท |
Degree Discipline: | อุดมศึกษา |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/29182 |
ISBN: | 9745690759 |
Type: | Thesis |
Appears in Collections: | Grad - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Sanoh_pe_front.pdf | 5 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Sanoh_pe_ch1.pdf | 4.49 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Sanoh_pe_ch2.pdf | 11.75 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Sanoh_pe_ch3.pdf | 21.11 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Sanoh_pe_ch4.pdf | 21.76 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Sanoh_pe_ch5.pdf | 14.85 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Sanoh_pe_ch6.pdf | 7.93 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Sanoh_pe_ch7.pdf | 8.54 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Sanoh_pe_ch8.pdf | 11.94 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Sanoh_pe_ch9.pdf | 13.65 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Sanoh_pe_back.pdf | 24.62 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.