Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/33323
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorเกียรติวรรณ อมาตยกุล-
dc.contributor.authorอัญชลี สาริกานนท์-
dc.contributor.otherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะครุศาสตร์-
dc.date.accessioned2013-07-22T13:48:15Z-
dc.date.available2013-07-22T13:48:15Z-
dc.date.issued2553-
dc.identifier.urihttp://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/33323-
dc.descriptionวิทยานิพนธ์ (ค.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2553en_US
dc.description.abstractการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนากิจกรรมการศึกษานอกระบบโรงเรียนตามแนวคิดนีโอฮิวแมนนิส ที่มีต่อความสามารถในการเผชิญปัญหาชีวิต สำหรับครูสังกัดกรุงเทพมหานคร 2) เพื่อเปรียบเทียบผลก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบโรงเรียนตามแนวคิดนีโอฮิวแมนนิส ที่มีต่อความสามารถในการเผชิญปัญหาชีวิต สำหรับครูสังกัดกรุงเทพมหานคร 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจในการเข้าร่วมกิจกรรมการศึกษานอกระบบโรงเรียนตามแนวคิดนีโอฮิวแมนนิส ที่มีต่อความสามารถในการเผชิญปัญหาชีวิต สำหรับครูสังกัดกรุงเทพมหานคร การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง กลุ่มตัวอย่างคือ ครูสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 20 คน การจัดกิจกรรมใช้ระยะเวลา 9 วัน รวมทั้งสิ้น 50 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 2 ชนิด ได้แก่ เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองคือ แผนการจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบโรงเรียนตามแนวคิดนีโอฮิวแมนนิส ที่มีต่อความสามารถในการเผชิญปัญหาชีวิต และเครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบวัดความรู้ แบบวัดทักษะ แบบวัดเจตคติในการเผชิญปัญหาชีวิต และแบบประเมินผลความพึงพอใจในการเข้าร่วมกิจกรรม วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย (X-bar) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และเปรียบเทียบความแตกต่างด้วยสถิติทดสอบที (t-test) ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ .05 ผลการวิจัยพบว่า 1. การพัฒนากิจกรรมการศึกษานอกระบบโรงเรียนตามแนวคิดนีโอฮิวแมนนิส ที่มีต่อความสามารถในการเผชิญปัญหาชีวิต มีกระบวนการของกิจกรรมตามแนวคิดนีโอฮิวแมนนิส อันได้แก่ 1) การสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย 2) การเสริมสร้างภาพพจน์ที่ดีต่อตนเอง 3) การเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติและฝึกฝน 4) การจูงใจเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ ส่งผลให้ครูสังกัดกรุงเทพมหานครสามารถเผชิญปัญหาชีวิตได้ 2. ผลการจัดกิจกรรมพบว่า กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยความรู้ ทักษะ และเจตคติในการเผชิญปัญหาชีวิตหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. ผลการจัดกิจกรรมพบว่า กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบโรงเรียนตามแนวคิดนีโอฮิวแมนนิส ที่มีต่อความสามารถในการเผชิญปัญหาชีวิตอยู่ในระดับมากที่สุด (X-bar = 4.58)en_US
dc.description.abstractalternativeTo 1) develop non-formal education activities based on neo-humanist concept to improve the ability to cope with life challenges of teachers under Bangkok Metropolitan Administration, 2) study the effects of non-formal education activities based on neo-humanist concept on the ability to cope with life challenges of teachers under Bangkok Metropolitan Administration, 3) study the satisfaction of participating in non-formal education activities based on neo-humanist concept on the ability to cope with life challenges of teachers under Bangkok Metropolitan Administration with non-formal educational activities. This study was an experimental research. The subjects were 20 teachers under Bangkok Metropolitan Administration. The duration of activites was 50 hours in 9 days. The research instruments were a knowledge test, a skill test, an attitude test to cope with life challenges and activity evaluation form. This research used mean, standard deviation (S.D.) and t-test at .05 to analyze the result. The research findings were as follows: 1. The development of non-formal education activities based on neo-humanist concept on the ability to cope with life challenges use four processes of neo-humanist concept: 1) creating relaxing atmosphere, 2) improving one’s attitude and self-esteem, 3) learning by practice and repetition, 4) motivate further learning and lead to increase ability of teachers under Bangkok Metropolitan Administration to cope with life challenges. 2. After the experiment, the mean scores of knowledge, skill and attitude for coping with life challenges of the experimental group were higher than the mean scores before the experiment at .05 level of significance. 3. After the experiment, the scores of experimental group were at the highest level of satisfaction of participating in non-formal education activities based on neo-humanist concept on the ability to cope with life challenges (X-bar = 4.58).en_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.relation.urihttp://doi.org/10.14457/CU.the.2010.1504-
dc.rightsจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.subjectการศึกษานอกระบบโรงเรียนen_US
dc.subjectกิจกรรมการเรียนการสอนen_US
dc.subjectมนุษยนิยมen_US
dc.subjectการปรับตัว (จิตวิทยา)en_US
dc.subjectครูen_US
dc.subjectNon-formal educationen_US
dc.subjectHumanismen_US
dc.subjectAdjustment ‪(Psychology)‬en_US
dc.subjectTeachersen_US
dc.subjectActivity programs in educationen_US
dc.titleผลของการจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบโรงเรียนตามแนวคิดนีโอฮิวแมนนิส ที่มีต่อความสามารถในการเผชิญปัญหาชีวิตสำหรับครูสังกัดกรุงเทพมหานครen_US
dc.title.alternativeEffects of organizing non-formal education activities based on neo-humanist concept on the ability to cope with life challenges of teachers under Bangkok Metropolitan Administrationen_US
dc.typeThesisen_US
dc.degree.nameครุศาสตรมหาบัณฑิตen_US
dc.degree.levelปริญญาโทen_US
dc.degree.disciplineการศึกษานอกระบบโรงเรียนen_US
dc.degree.grantorจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.email.advisorKiatiwan.A@Chula.ac.th-
dc.identifier.DOI10.14457/CU.the.2010.1504-
Appears in Collections:Edu - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
unchalee_sa.pdf3.85 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.