Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/46491
Title: | ผลกระทบของระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก - ตะวันตกต่อการกระจายรายได้และความเป็นอยู่ของประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: กรณีศึกษาจังหวัดมุกดาหาร |
Other Titles: | IMPACT OF EAST - WEST ECONOMIC CORRIDOR ON INCOME DISTRIBUTION AND THE LIVELIHOODS OF POPULATION IN THE NORTHEASTERN REGION OF THAILAND: A CASE STUDY OF MUKDAHAN PROVINCE |
Authors: | พัชรินทร์ รักสัตย์ |
Advisors: | สวรัย บุณยมานนท์ |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะเศรษฐศาสตร์ |
Advisor's Email: | Sawarai.B@chula.ac.th |
Subjects: | ความเสมอภาค การพัฒนาเศรษฐกิจ การกระจายรายได้ -- ไทย -- มุกดาหาร ความจน -- ไทย -- มุกดาหาร การวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจ ไทย -- ภาวะเศรษฐกิจ ไทย -- ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ Equality Economic development Income distribution -- Thailand -- Mukdahan Poverty -- Thailand -- Mukdahan Economic impact analysis Thailand -- Economic conditions Thailand -- Economic history |
Issue Date: | 2557 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | การศึกษานี้ มีวัตถุประสงค์ 2 ประการ ได้แก่ 1. เพื่อประเมินผลกระทบของระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก – ตะวันตก และอิทธิพลของปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมอื่นๆ ที่มีต่อการกระจายรายได้ระหว่างจังหวัดต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ระหว่างปี พ.ศ. 2543 – 2555 โดยนำข้อมูลทุติยภูมิมาวิเคราะห์โดยวิธีการทางเศรษฐมิติแบบ Panel data regression และ 2. เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก – ตะวันตก ต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร โดยเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth interview) กลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) ในภาคการผลิตอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และภาคการบริการ รวมทั้งเจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับการสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการ และการสังเกต และนำข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างในพื้นที่อำเภอต่างๆ มาวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis) ผลการวิจัยเชิงปริมาณ พบว่า ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก – ตะวันตก ส่งผลต่อความไม่เท่าเทียมกันระหว่างจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในทางบวก กล่าวคือ จังหวัดที่มีระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก – ตะวันตกพาดผ่าน มีแนวโน้มจะทำให้ความไม่เท่าเทียมกันระหว่างจังหวัดเพิ่มขึ้น โดยวัดจากสัดส่วนรายได้ต่อหัวประชากรของจังหวัดต่อรายได้ต่อหัวประชากรของภูมิภาค เช่นเดียวกับตัวแปรโครงสร้างพื้นฐานด้านถนน ที่มีแนวโน้มทำให้ความไม่เท่าเทียมกันระหว่างจังหวัดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ขณะเดียวกันตัวแปรที่มีแนวโน้มส่งผลต่อการลดความไม่เท่าเทียมกันระหว่างจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างมีนัยสำคัญ ประกอบด้วย ตัวแปรด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ สัดส่วนผลิตภัณฑ์ภาคเกษตรต่อนอกภาคเกษตร ตัวแปรด้านการศึกษา ได้แก่ จำนวนปีการศึกษาเฉลี่ย ตัวแปรด้านสาธารณสุข ได้แก่ สัดส่วนประชากรต่อแพทย์ และตัวแปรด้านนโยบาย ได้แก่ สัดส่วนภาษีทางตรงต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด ส่วนการทดสอบ Kuznets hypothesis พบว่า สอดคล้องกับสมมติฐาน โดยลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างความไม่เท่าเทียมกัน กับระดับการพัฒนาเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่ทำการศึกษา มีลักษณะเป็น Inverted U-shape ผลการวิจัยเชิงคุณภาพ แสดงให้เห็นว่า ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก – ตะวันตกส่งผลกระทบด้านบวกต่อจังหวัดมุกดาหาร คือ ทำให้มูลค่าการค้าชายแดนเพิ่มมากขึ้น การเดินทางและการขนส่งสะดวกยิ่งขึ้น ทั้งการเดินทางข้ามแดนระหว่างประเทศ และการเดินทางภายในจังหวัดและระหว่างจังหวัดด้วย การลงทุนภาครัฐและเอกชนในพื้นที่เพิ่มขึ้น ที่ดินมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นมาก อย่างไรก็ดี ผลประโยชน์ของระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก – ตะวันตก ที่เกิดขึ้นในจังหวัดมุกดาหารนั้น ไม่ได้กระจายไปยังพื้นที่อำเภอต่างๆ อย่างทั่วถึงหรือเท่าเทียมนัก โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในอำเภอเมืองมุกดาหาร เป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์มากกว่าประชาชนในพื้นที่อำเภออื่นๆ ในขณะที่ผลกระทบด้านลบ ได้แก่ ช่วงปี พ.ศ. 2551 – 2553 ประชาชนในพื้นที่ข้ามแดนไปบ่อนคาสิโนในสะหวันนะเขตจำนวนมาก ปัญหาการจราจรติดขัดบนท้องถนนและสะพานข้ามแม่น้ำโขง ปัญหาการเก็งกำไรที่ดิน ค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในครัวเรือนสูงขึ้น ปัญหาไฟฟ้าและน้ำประปาไม่เพียงพอ ปัญหาสิ่งแวดล้อมและการกำจัดขยะมูลฝอย ปัญหาการลักลอบนำเข้ายาเสพติดและสินค้าหนีศุลกากรที่เพิ่มขึ้น การค้ามนุษย์และการค้าประเวณีสูงขึ้น |
Other Abstract: | This study aims to 1. assess the impact of EWEC and other socioeconomic factors on income distribution between 19 provinces in the northeastern region of Thailand in 2000 – 2012 by using panel data regression model and 2. analyze the effect of EWEC on the livelihoods of population in Mukdahan province. Data were collected through in-depth interviews, informal interviews and observations conducted on government officials as well as the private sector in the industrial, agricultural, and service sectors. A content analysis is then employed to analyze the data. Results from quantitative research show that the EWEC positively affects income inequality among provinces in the northeastern region of Thailand. A province through which the EWEC has passed tends to produce greater interprovincial income inequality as measured by the ratio of GPP per capita to GRP per capita. Likewise, it is also found that the road infrastructure variable increases inequality between provinces. While factors tend to decrease interprovincial income inequality are the proportion of agriculture by non-agricultural products, average years of schooling, the population per doctor ratio and direct tax revenue as a percentage of GPP. In addition, there is evidence to support the Kuznets inverted-U hypothesis. Qualitative research found that the EWEC has positive effects on Mukdahan province including increases in border trade volume, travel and transport facilitation, increases in public and private investment, and a rise in land values. However, the benefits of the EWEC are not distributed evenly. People who live in Muang Mukdahan district gain higher benefits than those who live in other districts. On the other hand, the EWEC also brings about adverse effects to the area, namely, a huge flow of Thai gamblers to Savannakhet during 2008 – 2010, traffic congestion on the roads and the bridge on the Mekong River, land speculation, higher household consumption, inadequate electricity and water supply, environmental issues and waste disposal, smuggling of goods and drugs, human trafficking and prostitution. |
Description: | วิทยานิพนธ์ (ศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2557 |
Degree Name: | เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต |
Degree Level: | ปริญญาโท |
Degree Discipline: | เศรษฐศาสตร์ |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/46491 |
URI: | http://doi.org/10.14457/CU.the.2014.1270 |
metadata.dc.identifier.DOI: | 10.14457/CU.the.2014.1270 |
Type: | Thesis |
Appears in Collections: | Econ - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
5485158329.pdf | 4.74 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.