Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/48040
Full metadata record
DC Field | Value | Language |
---|---|---|
dc.contributor.advisor | เสรี จันทรโยธา | - |
dc.contributor.advisor | ชัยยุทธ สุขศรี | - |
dc.contributor.author | อินทิรา เศวตประวิชกุล | - |
dc.contributor.other | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บัณฑิตวิทยาลัย | - |
dc.date.accessioned | 2016-06-07T04:38:58Z | - |
dc.date.available | 2016-06-07T04:38:58Z | - |
dc.date.issued | 2538 | - |
dc.identifier.isbn | 9746326767 | - |
dc.identifier.uri | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/48040 | - |
dc.description | วิทยานิพนธ์ (วศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2538 | en_US |
dc.description.abstract | การศึกษานี้มุ่งหาสาเหตุของการเกิดน้ำท่วม/อุทกภัย และวิเคราะห์สภาพน้ำหลากในเชิงอุทกวิทยาของลุ่มน้ำเพชรบุรีตอนล่าง โดยการจำลองสภาพและวิเคราะห์สภาพน้ำหลากตามสภาวะต่างๆ ที่กำหนด การจำลองสภาพน้ำหลากใช้แบบจำลอง Flood Hydrograph Package HEC-1 รุ่น 4.0 ใช้กับไมโครคอมพิวเตอร์ โดยทำการดัดแปลงแก้ไขบางส่วนเพื่อให้ค่าสัมประสิทธิ์ Manning’n’ แปรผันตามอัตราการไหล ข้อมูลน้ำหลากที่ใช้คือข้อมูลน้ำท่ารายชั่วโมงที่ตรวจวัดที่สถานีวัดน้ำท่าต่างๆ ในลุ่มน้ำเพชรบุรีโดยกรมชลประทาน ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในแบบจำลองได้ตรวจสอบและปรับแก้ข้อมูล การศึกษาการเคลื่อนตัวของน้ำหลากบนลำน้ำเลือกวิธีการของ Muskingum-Cunge ในการจำลองสภาพ การศึกษาได้พิจารณาเป็น 2 กรณี คือ สภาพปัจจุบัน มีอ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน และสภาพในอนาคต มีอ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ห้วยผากและห้วยแม่ประจันต์ สาเหตุหลักของการเกิดอุทกภัยในลุ่มน้ำพบว่าเกิดจากฝนตกหนัก อันเป็นอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้เป็นหลัก และมีพายุหรือร่องมรสุมพาดผ่านเป็นครั้งคราว จากการวิเคราะห์ความถี่ของข้อมูลปริมาณน้ำหลากของแม่น้ำเพชรบุรี ที่สถานี B.3 ซึ่งอยู่ท้ายเขื่อนแก่งกระจานประมาณ 10 กิโลเมตร พบว่าปริมาณน้ำหลากลดลงประมาณร้อยละ 80 อันเป็นผลมาจากการมีเขื่อนแก่งกระจาน ที่สถานี B.2A อยู่ท้ายเขื่อนเพชร (เขื่อนทดน้ำ) ประมาณ 200 เมตร ซึ่งปริมาณน้ำท่าที่สถานี B.2A เกิดจากการรวมตัวของปริมาณน้ำท่าจากแม่น้ำเพชรบุรี ห้วยผากและห้วยแม่ประจันต์ จากการวิเคราะห์ความถี่พบว่าที่รอบปีการเกิดต่ำๆ ปริมาณน้ำหลากจะลดลงมาก แต่ที่รอบปีการเกิดสูงๆ ลดลงน้อยมาก ที่สถานี B.1A อยู่บริเวณตัวเมืองเพชรบุรีพบว่ามีการผันน้ำของสู่ทุ่งราบทางทิศตะวันออกของลุ่มน้ำก่อนถึงสถานี B.1A ทำให้ปริมาณน้ำหลากที่รอบปีการเกิดสูงๆ ทั้งก่อนและหลังมีเขื่อนแก่งกระจานมีค่าไม่ต่างกัน การจำลงสภาพน้ำหลากในสภาพปัจจุบันพบว่าปริมาณน้ำหลากที่เกิดในลุ่มน้ำตอนล่าง ส่วนมากเป็นผลจากปริมาณน้ำจากห้วยแม่ประจันต์ โดยเวลาการเคลื่อนตัวของน้ำหลากจากห้วยแม่ประจันต์ถึงลุ่มน้ำตอนล่าง (ที่สถานี B.1A) ประมาณ 43 ชั่วโมง ก่อนที่ปริมาณน้ำจะเคลื่อนตัวมาที่สถานี B.1A มีปริมาตรน้ำที่ถูกผันออกสู่ทุ่งราบในช่วงน้ำหลากเฉลี่ยประมาณ 55 ล้าน ลบ.ม. การจำลองสภาพในอนาคตมีการเปลี่ยนแปลงความจุเก็บกักของอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ประจันต์เป็น 3 กรณี และกำหนดให้มีน้ำเต็มอ่างเป็นเงื่อนไขเริ่มต้น พบว่าการเปลี่ยนแปลงความจุอ่างทำให้สภาพน้ำหลากที่ด้านท้ายน้ำมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก แต่ในกรณีที่เงื่อนไขเริ่มต้นมีระดับเก็บกักต่ำสุด พบว่าการเคลื่อนตัวของน้ำหลากมาถึงตัวเมืองช้าลง 24 ชั่วโมง และอัตราการไหลสูงสุดลดลง 40% เมื่อเทียบกับสภาพปัจจุบัน | en_US |
dc.language.iso | th | en_US |
dc.publisher | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | en_US |
dc.rights | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | en_US |
dc.subject | น้ำหลาก -- แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ | en_US |
dc.subject | อุทกภัย -- ไทย -- เพชรบุรี | en_US |
dc.subject | การวิเคราะห์ระบบ | en_US |
dc.subject | การวิเคราะห์ความถี่ | en_US |
dc.subject | อุทกวิทยา | en_US |
dc.subject | ลุ่มน้ำเพชรบุรี | en_US |
dc.subject | แก่งกระจาน (เพชรบุรี) | en_US |
dc.subject | ห้วยผาก (เพชรบุรี) | en_US |
dc.subject | ห้วยแม่ประจันต์ (เพชรบุรี) | en_US |
dc.title | สภาพการเกิดน้ำหลากในลุ่มน้ำเพชรบุรีตอนล่าง | en_US |
dc.title.alternative | Occurrence of floods in the lower Phetchaburi River Basin | en_US |
dc.type | Thesis | en_US |
dc.degree.name | วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต | en_US |
dc.degree.level | ปริญญาโท | en_US |
dc.degree.discipline | วิศวกรรมโยธา | en_US |
dc.degree.grantor | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | en_US |
dc.email.advisor | Seree.C@Chula.ac.th | - |
dc.email.advisor | Chaiyuth.S@chula.ac.th | - |
Appears in Collections: | Grad - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Intira_sa_front.pdf | 1.31 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Intira_sa_ch1.pdf | 1.16 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Intira_sa_ch2.pdf | 1.77 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Intira_sa_ch3.pdf | 4.12 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Intira_sa_ch4.pdf | 3.65 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Intira_sa_ch5.pdf | 3.09 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Intira_sa_ch6.pdf | 2.14 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Intira_sa_ch7.pdf | 500.12 kB | Adobe PDF | View/Open | |
Intira_sa_back.pdf | 7.54 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.