Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/504
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.authorชัชพงศ์ ตั้งมณี-
dc.contributor.authorอรุณี กำลัง-
dc.contributor.otherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ภาควิชาสถิติ-
dc.contributor.otherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ภาควิชาสถิติ-
dc.date.accessioned2006-06-25T08:15:19Z-
dc.date.available2006-06-25T08:15:19Z-
dc.date.issued2545-
dc.identifier.urihttp://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/504-
dc.description.abstractการใช้อินเตอร์เนตส่งผลกระทบทั้งทางบวกและลบ ในขณะที่ผลกระทบทางบวก เช่น ค่าใช้จ่ายที่ลดลง การได้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและทันต่อการตัดสินใจ หรือความถูกต้องรวดเร็วของการทำธุรกรรมออนไลน์ ได้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย แต่ทว่าผลกระทบทางลบ เช่น การละเมิดสิทธิของข้อมูลส่วนบุคคล หรือการใช้อินเตอร์เนตจนถึงขั้นเสพติด ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบทางลบในสภาพแวดล้อมของประเทศไทย งานวิจัยชิ้นนี้จึงมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ (1) รายงานภาวการณ์เสพติดอินเตอร์เนตของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในระดับปริญญาตรีของหลักสูตรปกติ ทั้งในภาพรวมและแยกตามสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และสาธารณสุขศาสตร์ และ (2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวการณ์เสพติดอินเตอร์เนตกับ (ก) สัมฤทธิผลทางการสื่อสาร และ (ข) ความวิตกจากการสื่อสาร ข้อมูลสำหรับตอบวัตถุประสงค์ได้จากการแจกแบบสอบถามให้กับนิสิตตัวอย่างจำนวน 280 คน ที่ได้มาจากการเลือกตัวอย่างแบ่งชั้นภูมิ (Stratified sampling) โดยที่ชั้นภูมิ คือ คณะหนึ่ง ๆ ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตอบวัตถุประสงค์ข้างต้น ทำให้ทราบว่า (1) ประมาณร้อยละ 9 ของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเสพติดอินเตอร์เนต โดยส่วนใหญ่เป็นนิสิตชั้นปีที่หนึ่งหรือสองที่สามารถใช้อินเตอร์เนตจากที่พักได้เกรดเฉลี่ย 3.04 และเล่นอินเตอร์เนตโดยเฉลี่ยวันละประมาณ 2.8 ชั่วโมง กิจกรรมบนอินเตอร์เนตที่ทำบ่อยที่สุด คือ การใช้ไปรษณียอิเลกทรอนิกส์ และการท่องเว็บ แต่มากกว่าร้อยละ 80 ไม่เคยซื้อสินค้าบนอินเตอร์เนต (2) การทดสอบสมมติฐานทางสถิติไม่สามารถยืนยันได้ว่าสาขาใดมีสัดส่วนนิสิตที่เสพติดอินเตอร์เนตสูงกว่าอีกสองสาขา และ (3) ถึงแม้การสำรวจวรรณกรรมทำให้คาดคะเนว่านิสิตที่เสพติดอินเตอร์เนตน่าจะมีสัมฤทธิผลทางการสื่อสารต่ำกว่าและน่าจะมีความวิตกกังวลทางการสื่อสารสูงกว่านิสิตที่ไม่เสพติดอินเตอร์เนต แต่การทดสอบสมมติฐานทางสถิติกับข้อมูลที่รวบรวมมาไม่สมารถยืนยันตามที่คาดคะเนได้ แต่ถึงกระนั้นข้อมูลจากตัวอย่างพอจะชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างภาวะการเสพติดอินเตอร์เนตกับสัมฤทธิผลทางการสื่อสาร และความวิตกทางการสื่อสารของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประโยชน์สำคัญของข้อค้นพบในงานวิจัยนี้ คือ การต่อยอดองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับผลกระทบทางลบของการใช้อินเตอร์เนตในบริบท (Context) ของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อีกทั้งผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย อาจพิจารณาใช้ผลการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อกำหนดนโยบายการใช้อินเตอร์เนตให้เหมาะสมยิ่งขึ้นen
dc.format.extent1336096 bytes-
dc.format.mimetypeapplication/pdf-
dc.language.isothen
dc.publisherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen
dc.rightsจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen
dc.subjectจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย--นิสิตen
dc.subjectโรคติดอินเตอร์เน็ตen
dc.subjectอินเตอร์เน็ตen
dc.titleพฤติกรรมการเสพติดอินเตอร์เนตของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : รายงานการวิจัยen
dc.title.alternativeInternet addictive behavior among Chulalongkorn University studentsen
dc.typeTechnical Reporten
dc.email.authorChatpong.T@Chula.ac.th-
dc.email.authorfcomakl@acc.chula.ac.th-
Appears in Collections:Acctn - Research Reports

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Chachpong_Internet.pdf1.28 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.