Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/52477
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorพรพิมล กิจสนาโยธิน-
dc.contributor.advisorโยธิน ชินวลัญช์-
dc.contributor.advisorมยุรี ตันติสิระ-
dc.contributor.authorขนิษฐา ทวนไธสง-
dc.contributor.otherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะเภสัชศาสตร์-
dc.date.accessioned2017-03-06T08:14:16Z-
dc.date.available2017-03-06T08:14:16Z-
dc.date.issued2554-
dc.identifier.urihttp://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/52477-
dc.descriptionวิทยานิพนธ์ (ภ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2554en_US
dc.description.abstractยาคาร์บามาซีพีนเป็นยากันชักที่เป็นยาเลือกตัวแรกในการรักษาโรคลมชักหลายชนิด ซึ่งพบว่าการตอบสนองต่อยามีความแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ประมาณร้อยละ 30 ของผู้ป่วยโรคลมชักที่ได้รับยา คาร์บามาซีพีนอย่างเหมาะสมแล้ว ยังไม่สามารถควบคุมอาการชักได้ ก่อให้เกิดผลเสียต่างๆ ซึ่งการตอบสนองต่อยาคาร์บามาซีพีนที่แตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละรายนั้น เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยทางคลินิกและปัจจัยทางพันธุกรรมของผู้ป่วย การศึกษาครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความผันแปรในยีน SCN1A และ EPHX1 และปัจจัยทางคลินิกต่างๆ กับการตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาคาร์บามาซีพีนในผู้ป่วยโรคลมชักชาวไทย โดยผู้ป่วยโรคลมชักจำนวน 79 คนได้ถูกคัดเลือกเข้าสู่งานวิจัย เก็บข้อมูลทางคลินิกและตัวอย่างเลือด เพื่อตรวจลักษณะจีโนไทป์ของ SCN1A IVS5N+5 G>A, EPHX1 c.337T>C และ EPHX1 c.416A>G และประเมินการตอบสนองต่อการรักษาด้วยคาร์บามาซีพีน โดยแบ่งผู้ป่วย เป็น 2 กลุ่ม คือผู้ป่วยโรคลมชักที่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาคาร์บามาซีพีน และผู้ป่วยโรคลมชักที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาคาร์บามาซีพีน จากนั้นวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างการตอบสนองต่อยาคาร์บามาซีพีน กับความผันแปรในยีน SCN1A และ EPHX1 และปัจจัยทางคลินิกต่างๆ ด้วย Multiple Logistic Regression ผลการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยเกือบทั้งหมดเป็น symptomatic epilepsy ความถี่อัลลีลของ SCN1A IVS5N+5 G>A, EPHX1 c.337T>C และ EPHX1 c.416A>G ในผู้ป่วยโรคลมชักชาวไทย เท่ากับ 64, 47 และ 14% ตามลำดับ และผลการวิเคราะห์ด้วย Multiple Logistic Regression พบความสัมพันธ์ระหว่างการตอบสนองต่อยาคาร์บามาซีพีน กับความผันแปรทางพันธุกรรม EPHX1 c.337T>C และปัจจัยทางคลินิก คือ อายุที่เริ่มเป็นโรคลมชัก และประเภทของอาการชัก โดยผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อยาคาร์บามาซีพีนนั้น สัมพันธ์กับลักษณะจีโนไทป์ของ EPHX1 c.337T>C แบบ CC และ CT มากกว่าผู้ป่วยโรคลมชักที่ตอบสนองต่อยาคาร์บามาซีพีน (OR 5.466 [95% CI: 1.109-26.942] และ adjusted OR = adjusted OR 4.113 [95% CI: 1.079-15.685] ตามลำดับ) โมเดลทางเภสัชพันธุศาสตร์นี้ สามารถอธิบายความแปรปรวนของการตอบสนองต่อการรักษาด้วยคาร์บามาซีพีนได้ร้อยละ 29.2 (R2 = 0.292) ผลการศึกษาครั้งนี้ทำให้ทราบว่าความผันแปรทางพันธุกรรม EPHX1 c.337T>C และปัจจัยทางคลินิก ได้แก่ อายุที่เริ่มเป็นโรคลมชัก และ ประเภทของอาการชักนั้น มีความสัมพันธ์กับการไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาคาร์บามาซีพีนในผู้ป่วยโรคลมชักชาวไทย ซึ่งผลที่ได้จากการศึกษานี้อาจสามารถนำไปใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพิจารณาเลือกใช้ยาคาร์บามาซีพีนในการรักษาผู้ป่วยโรคลมชักเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้นen_US
dc.description.abstractalternativeCarbamazepine (CBZ) is a first-line drug for various types of epilepsy with widely variable treatment outcomes. Nearly one third of the patients on CBZ fail to achieve adequate seizure control which potentially leads to several deteriorating consequences. Treatment response in individual patients is influenced by multiple factors including a genetic one. Genetic variants in genes involved in the pharmacokinetics and pharmacodynamics of CBZ, may influence the drug response in patients with epilepsy. Therefore, this study aimed to investigate the association between three SNPs in SCN1A and EPHX1, along with clinical factors and response to CBZ treatment in Thai epileptic patients and to assess the association by using multiple logistic regression analysis. 79 Thai patients diagnosed with epilepsy and being treated with CBZ were included in the analysis. Two phenotypic groups were classified as CBZ-responsive epilepsy and CBZ-resistant. In addition to clinical data, blood samples were collected and genotyped for 3 candidate SNPs including, SCN1A IVS5N+5 G>A, EPHX1 c.337T>C and EPHX1 c.416A>G. The minor allele frequencies of the studied variants in Thai epileptic patients were as follows: SCN1A IVS5N+5 G>A = 64%, EPHX1 c.337T>C = 47% and EPHX1 c.416A>G = 14%. A multiple logistic regression revealed significant association of CBZ responsiveness with EPHX1 c.337T>C, age at the onset of epilepsy and types of seizure. Patients with CBZ resistant epilepsy were significantly more likely to have CC and CT genotypes than patients with CBZ responsive epilepsy (adjusted OR 5.466 [95% CI: 1.109-26.942] and adjusted OR 4.113 [95% CI: 1.079-15.685] respectively). The SCN1A IVS5N+5 G>A and EPHX1 c.416A>G genotypes revealed no significant influence on response to CBZ. The pharmacogenetic model explain 29.2% of the CBZ responsiveness (R2=0.292).This study suggests that the EPHX1 c.337T>C polymorphism along with age at the onset of epilepsy and types of seizure may influence the response to CBZ in Thai epileptic patients. This finding could be used for treatment optimization in individual patients, resulting in more efficacious treatment.en_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.relation.urihttp://doi.org/10.14457/CU.the.2011.2163-
dc.rightsจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.subjectลมบ้าหมูen_US
dc.subjectการรักษาด้วยยาen_US
dc.subjectEpilepsyen_US
dc.titleความสัมพันธ์ของคงามผันแปรในยีน SCN1A และ EPHX1 กับการตอบสนองต่อยาคาร์บามาซีพีนในผู้ป่วยโรคลมชักชาวไทยen_US
dc.title.alternativeAssociation of variants in SCN1A and EPHX1 genes with carbamazepine responsiveness in Thai epileptic patientsen_US
dc.typeThesisen_US
dc.degree.nameเภสัชศาสตรมหาบัณฑิตen_US
dc.degree.levelปริญญาโทen_US
dc.degree.disciplineเภสัชวิทยาen_US
dc.degree.grantorจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.email.advisorPornpimol.K@Chula.ac.th-
dc.email.advisorไม่มีข้อมูล-
dc.email.advisorไม่มีข้อมูล-
dc.identifier.DOI10.14457/CU.the.2011.2163-
Appears in Collections:Pharm - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
khanistha_tu.pdf2.15 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.