Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/53610
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorปิยพงษ์ เชนร้าย-
dc.contributor.authorสุวัฒน์ มรรคเจริญ-
dc.contributor.otherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะวิทยาศาสตร์-
dc.coverage.spatialแอ่งเกรทเซาท์ (นิวซีแลนด์)-
dc.coverage.spatialนิวซีแลนด์-
dc.date.accessioned2017-10-27T06:48:16Z-
dc.date.available2017-10-27T06:48:16Z-
dc.date.issued2559-
dc.identifier.urihttp://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/53610-
dc.descriptionโครงงานเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาธรณีวิทยา .... คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีการศึกษา 2559en_US
dc.description.abstractระบบรอยเลื่อนหลายเหลี่ยมสามารถพบได้ในแอ่งตะกอนต่าง ๆ ทั่วโลก โดยทั่วไปมักจะพบในแอ่งตะกอนตามขอบแผ่นเปลือกโลกสงบ รอยเลื่อนหลายเหลี่ยมเป็นกลุ่มของรอยเลื่อนปกติที่ไม่สัมพันธ์กับกิจกรรมทางธรณีแปรสัณฐาน เกิดอยู่ในชั้นหินตะกอนละเอียด เช่น หินโคลน หินดินดาน เป็นต้น ในระหว่างการก่อตัวของหินตะกอนละเอียดการหดตัวและการคายน้ำออกจากช่องว่างระหว่างตะกอนจะนำไปสู่การเกิดรอยแตกและเกิดการเลื่อนตัว รอยเลื่อนหลายเหลี่ยมในแอ่งตะกอนเกรทเซาท์ ประเทศนิวซีแลนด์สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบจากลักษณะที่สังเกตุในแนวตัดขวางและแนวราบ รูปแบบที่ 1 รอยเลื่อนหลายเหลี่ยมมีลักษณะเป็นกลุ่มของรอยเลื่อนปกติมีทิศทางเอียงเทเข้าหากันเป็นรอยเลื่อนคู่ เมื่อสังเกตในแนวราบพบว่ามีลักษณะเป็นรูปปิดคล้ายดินแตกระแหงพบทางตอนใต้ของพื้นที่การศึกษา กินพื้นที่ประมาณ 200 ตารางกิโลเมตร โดนพบที่ความลึก 1200-1800 มิลลิวินาที ซึ่งเกิดในชั้นหินที่มีอายุในสมัยอีโอซีนมีลักษณะตะกอนเป็น หินโคลน, หินดินดาน และ ดินเหนียวปนปูน จากการสร้างแผนภาพกุหลาบพบว่ารอยเลื่อนหลายเหลี่ยมมีทิศทางการวางตัวหลากหลายทิศทาง รูปแบบที่ 2 รอยเลื่อนหลายเหลี่ยมมีลักษณะเป็นกลุ่มของรอยเลื่อนปกติและเป็นรูปปิดในแนวราบเช่นกัน แต่ความหนาแน่นของรอยเลื่อนหลายเหลี่ยมรูปแบบที่ 2 มีมากกว่ารูปแบบที่ 1 รอยเลื่อนชนิดที่2 พบทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพื้นที่การศึกษากินพื้นที่ประมาณ 600 ตารางกิโลเมตร ที่ความลึก 1200-1500 มิลลิวินาที เกิดในชั้นหินที่มีอายุในช่วงกลางถึงปลายของสมัยอีโอซีนมีลักษณะตะกอนเป็น หินโคลน และ ดินเหนียวปนปูน ผลจากการสร้างแผนภาพกุหลาบรอยเลื่อนหลายเหลี่ยมมีทิศทางการวางตัวหลายทิศทาง ผลจากการสร้างกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างระยะเลื่อนตัวในแนวดิ่งกับความลึกของรอยเลื่อนทั่งสองรูปแบบพบลักษณะซีบ่งบอกถึงตำแหน่งของระยะเลื่อนตัวในแนวดิ่งที่มากที่สุดอยู่บริเวณกึ่งกลางความลึกของรอยเลื่อน และลักษณะกราฟรูปเอ็มบ่งบอกถึงการเชื่อมต่อกันของรอยเลื่อน รอยเลื่อนหลายเหลี่ยมในชั้นหินตะกอนละเอียดอาจจะส่งผลต่อความสามารถของชั้นหินปิดกั้นซึ่งสำคัญต่อการพิจารณาระบบปิโตเลียม การศึกษาเพิ่มเติมอาจจะทำเกิดความเข้าในเชิงลึกของระบบปิโตเลียมมากขึ้นen_US
dc.description.abstractalternativePolygonal fault system was found in many sedimentary basins around the world. It was commonly found in sedimentary basin along Passive margin. Polygonal fault is group of the normal fault networks which not relate to tectonic activity. It was commonly found in fine grain sediment such as claystone and shale. In the origin of fine-grain sedimentary rock, contraction and dewatering are the main processes that trigger the fractures and faults. Polygonal faults in Great South basin, New Zealand, are classified into two patterns base on time slice and cross section view. The first type is a group of normal faults dipping inward as conjugate faults. Observing in horizontal view, its characteristic resembles mud crack. This pattern is found in the Southern of the study area covering 200 km2 at time depth 1200-1800ms which is Eocene rock unit. Eocene rock unit is characterized by mudstone, shale, and marl. From rose diagram, polygonal fault planes arrange their strike in multidirectional. Another type of polygonal fault observing in horizontal view is also orthogonal geometry of normal faults. This type has more density of polygonal faults than the first type and is found in the North-Eastern of the study area covering 600 km2 at time depth 1200-1500ms which is Mid - Late Eocene rock unit. This rock unit is characterized by mudstone and marl. From rose diagram, the polygonal faults also arrange in multidirectional. The plot of the vertical fault throw and the depth of faults can be divided into two shape, C shape and M type. C shape indicates that the maximum fault throw is in the middle of the fault depth and the M-shape indicates the linkage of the faults. The existing of the polygonal fault in the fine grain sedimentary rock may result in the capability of the seal rock in the petroleum system which is important to the petroleum field. Further study is needed to get more information of petroleum system in the area.en_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.rightsจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.subjectเขตรอยเลื่อนen_US
dc.subjectเขตรอยเลื่อน -- นิวซีแลนด์en_US
dc.subjectเขตรอยเลื่อน -- แอ่งเกรทเซาท์ (นิวซีแลนด์)en_US
dc.subjectรอยเลื่อน (ธรณีวิทยา)en_US
dc.subjectรอยเลื่อน (ธรณีวิทยา) -- นิวซีแลนด์en_US
dc.subjectรอยเลื่อน (ธรณีวิทยา) -- แอ่งเกรทเซาท์ (นิวซีแลนด์)en_US
dc.subjectแอ่งตะกอนen_US
dc.subjectแอ่งตะกอน -- นิวซีแลนด์en_US
dc.subjectแอ่งตะกอน -- แอ่งเกรทเซาท์ (นิวซีแลนด์)en_US
dc.subjectธรณีวิทยาโครงสร้างen_US
dc.subjectธรณีวิทยาโครงสร้าง -- นิวซีแลนด์en_US
dc.subjectธรณีวิทยาโครงสร้าง -- แอ่งเกรทเซาท์ (นิวซีแลนด์)en_US
dc.subjectFault zonesen_US
dc.subjectFault zones -- New Zealanden_US
dc.subjectFault zones -- Great South Basin (New Zealand)en_US
dc.subjectFaults (Geology)en_US
dc.subjectFaults (Geology) -- New Zealanden_US
dc.subjectFaults (Geology) -- Great South Basin (New Zealand)en_US
dc.subjectSedimentary basinsen_US
dc.subjectSedimentary basins -- New Zealanden_US
dc.subjectSedimentary basins -- Great South Basin (New Zealand)en_US
dc.subjectGeology, Structuralen_US
dc.subjectGeology, Structural -- New Zealanden_US
dc.subjectGeology, Structural -- Great South Basin (New Zealand)en_US
dc.titleระบบรอยเลื่อนหลายเหลี่ยมในแอ่งเกรทเซาท์ ประเทศนิวซีแลนด์en_US
dc.title.alternativePolygonal fault system in Great South Basin, New Zealanden_US
dc.typeSenior Projecten_US
dc.email.advisorpiyaphong_c@hotmail.com-
Appears in Collections:Sci - Senior Projects

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Suwat Makjareun.pdf4.16 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.