Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/56324
Title: | บรรยากาศในครอบครัว การกำกับอารมณ์ และความสุขของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายที่มาจากครอบครัวใหญ่และครอบครัวเดี่ยว |
Other Titles: | FAMILY CLIMATE, EMOTION REGULATION, AND HAPPINESS OF HIGH SCHOOL STUDENTS IN MULTI-GERNERATIONAL AND NUCLEUS FAMILIES |
Authors: | กนกกาญจน์ ศิริวรรณ ปรียาภัสสร์ ศรีธนันดร |
Advisors: | อรัญญา ตุ้ยคำภีร์ พรรณระพี สุทธิวรรณ |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะจิตวิทยา |
Advisor's Email: | arunya.t@chula.ac.th panrapee.s@chula.ac.th |
Subjects: | ครอบครัว -- แง่จิตวิทยา อารมณ์ -- แง่จิตวิทยา ความสุข Families -- Psychological aspects Emotions -- Psychological aspects Happiness |
Issue Date: | 2558 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของบรรยากาศในครอบครัว การกำกับอารมณ์ของนักเรียน และลักษณะของครอบครัวที่ส่งผลต่อความสุขของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยมีสมมติฐานงานวิจัย 2 ข้อ คือ (1) บรรยากาศในครอบครัวของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่อาศัยอยู่ในครอบครัวใหญ่และครอบครัวเดี่ยวมีความแตกต่างกัน และ (2) บรรยากาศในครอบครัวและการกำกับอารมณ์ ร่วมกันส่งอิทธิพลต่อความสุขของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในงานวิจัย เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ 5 จำนวน 229 คน โดยแบ่งเป็น เพศชาย 100 คนและเพศหญิง 129 คน ซึ่งมีอายุเฉลี่ย เท่ากับ 16.18 ปี (SD = .60) เป็นนักเรียนที่มาจากครอบครัวใหญ่ จำนวน 79 คน และครอบครัวเดี่ยวจำนวน 150 คน เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย ประกอบด้วยแบบสอบถามข้อมูลทั่วไป มาตรวัดบรรยากาศในครอบครัว มาตรวัดการกำกับอารมณ์ และมาตรวัดสภาวะความสุข การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยเก็บข้อมูลโดยใช้วิธีการคัดเลือกแบบรายสะดวก การวิเคราะห์ความแปรปรวนพหุคูณ การหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการถดถอยเชิงพหุคูณแบบลำดับขั้น ผลการวิจัยพบว่า 1. บรรยากาศในครอบครัวของกลุ่มตัวอย่างที่อาศัยในครอบครัวเดี่ยวและกลุ่มตัวอย่างที่อาศัยในครอบครัวใหญ่ ไม่มีความแตกต่างกัน 2. บรรยากาศในครอบครัวและการกำกับอารมณ์ร่วมกันทำนายความแปรปรวนความสุขของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายร้อยละ 39 ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ .01 โดยบรรยากาศในครอบครัวด้านความสามารถในการปรับตัวนั้นมีน้ำหนักในการทำนายมากที่สุด (β = .30, p < .01) ลำดับต่อมา คือ การกำกับอารมณ์ในด้านการประเมินทางปัญญา (β = .22, p < .01) และการกำกับอารมณ์ในด้านการปิดกั้นการแสดงออก (β = -.17, p < .01) ตามลำดับ |
Other Abstract: | The study aimed to examine the relationships among family climate, students’ emotion regulation, and happiness of high school students. There were two hypotheses. Firstly, there were significant difference of family climate among multi-generation family and nucleus family. Secondly, family climate and emotion regulation can significantly predict happiness of the high school students. Two hundred and twenty-nine high school students (100 males and 129 females) completed scales of family climate, emotion regulation, and happiness in convenience sampling. Mutivariate Analysis of Variance (MANOVA), Pearson’s product moment correlation, and hierarchical regression analysis were used to analyze the data. Findings revealed as below. 1. There was no significant difference of family climate among multi-generation family and nucleus family. 2. Family climate and emotion regulation significantly predicted students’ happiness and accounted for 39 percent of total variance of happiness. The most significantly predictor of happiness was adaptability in family climate (β = .30, p < .01), followed by cognitive reappraisal in emotion regulation (β = .22, p < .01), and expressive suppression in emotion regulation (β = -.17, p < .01). |
Description: | โครงงานทางจิตวิทยานี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาจิตวิทยา คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีการศึกษา 2558 A senior project submitted in partial fulfillment of the requirements for the Degree of Bachelor of Science in Psychology, Faculty of Psychology, Chulalongkorn University, Academic year 2015 |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/56324 |
Type: | Senior Project |
Appears in Collections: | Psy - Senior Projects |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Kanokkarn_et_al.pdf | 1.68 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.