Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/60593
Title: ปัญหาการบังคับใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยความรับผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่2) พ.ศ.2560 กับการส่งอีเมลเชิงพาณิชย์ในลักษณะสแปม (spam)
Authors: ชัญญารักษ์ แซ่ห่าน
Advisors: ณัชพล จิตติรัตน์
Other author: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์
Advisor's Email: natchapol.j@chula.ac.th
Subjects: สแปม (จดหมายอิเล็กทรอนิกส์)
การสื่อสารทางการตลาด
Issue Date: 2560
Publisher: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Abstract: เอกัตศึกษาฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหาเกี่ยวกับบังคับใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยความรับผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่2) พ.ศ. 2560 กับการส่งอีเมลเชิงพาณิชย์ในลักษณะสแปม (spam) รวมทั้งศึกษาทฤษฎี แนวคิด และมาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับสแปมปัจจุบันทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบ และเพื่อเสนอแนะแนวทางในการเพิ่มเติมบทบัญญัติกฎหมายที่เหมาะสม รวมไปถึงแนวทางในการใช้อีเมลเชิงพาณิชย์เพื่อการโฆษณาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ในขณะที่ยังสามารถปกป้องสิทธิความความเป็นอยู่ส่วนบุคคลของผู้บริโภคได้อย่างเป็นธรรม จากการศึกษาพบว่าปัจจุบัน พระราชบัญญัติว่าด้วยความรับผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ยังไม่สามารถคุ้มครองสิทธิความเป็นอยู่ส่วนบุคคลของผู้บริโภคได้เพียงพอ เนื่องจากไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่ชัดในเรื่องการตั้งชื่อหัวเรื่องของอีเมล (Heading) ซึ่งกระทบต่อสิทธิในการรับรู้คาพรรณนาที่ถูกต้องและเพียงพอของผู้รับ เนื่องจากผู้รับไม่สามารถตัดสินใจก่อนเปิดอ่านอีเมลเชิงพาณิชย์เหล่านั้นได้ ซึ่งนอกจะทาให้สิ้นเปลืองข้อมูลอินเทอร์เน็ต ยังมีความเสี่ยงในการติดไวรัสหรือมัลแวร์อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นกฎหมายยังไม่ได้กำหนดขนาด ความถี่ และปริมาณในการส่งที่เหมาะสมกับอัตราการส่งผ่านข้อมูลระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน ทำให้ผู้รับมีโอกาสได้รับอีเมลเชิงพาณิชย์เป็นจำนวนมากจนรบกวนการใช้งานพื้นที่ในกล่องข้อความของตนอย่างปกติสุข และยังทำให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISPs) หรือผู้ดูแลระบบต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการหรือขยายแบนด์วิดท์ (Bandwidth) หรือเซิร์ฟเวอร์ (server) เพื่อรองรับกับปริมาณข้อมูลโฆษณาที่มีจำนวนมากกว่าครึ่งของอีเมลทั้งหมดบนระบบอินเทอร์เน็ต อีกทั้งยังต้องเป็นฝ่ายจัดหา พัฒนาระบบหรือมาตรการในการป้องกันสแปมเมลให้ทันสมัยอยู่เสมอเพื่อรองรับกับปัญหาที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม การที่ผู้ประกอบการต้องขอความยินยอมก่อนทำการส่งอีเมลโฆษณาโดยใช้หลัก Opt-in เพียงอย่างเดียว เป็นการจำกัดสิทธิในการโฆษณามากเกินไปเช่นกัน ดังนั้นจึงควรพิจารณาปรับใช้หลัก inferred consent ในกรณีเป็นการโฆษณาสินค้าอื่นที่มีลักษณะใกล้เคียงกับสินค้าเดิมที่ผู้รับให้คำยินยอมไว้โดยเปิดช่องทางให้ผู้รับนั้นสามารถบอกปฏิเสธการรับได้โดยง่าย เพื่อเพิ่มอิสระให้แก่ผู้ประกอบการและส่งเสริมความคล่องตัวในการทำการตลาด
Description: เอกัตศึกษา (ศศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2560
Degree Name: ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level: ปริญญาโท
Degree Discipline: กฎหมายเศรษฐกิจ
URI: http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/60593
URI: http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2017.53
metadata.dc.identifier.DOI: 10.58837/CHULA.IS.2017.53
Type: Independent Study
Appears in Collections:Law - Independent Studies

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
598 61660 34.pdf1.72 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.