การศึกษาความเป็นไปได้เชิงเศรษฐกิจกองทุนบัตรสุขภาพ ของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อการปรับเข้าสู่ระบบประกันสุขภาพ

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้เชิงเศรษฐกิจของกองทุนบัตรสุขภาพที่อาจปรับขยายเป็นรูปแบบของการประกันสุขภาพ ใน 4 ประเด็น คือ 1) ความเป็นไปได้ของการประกันสุขภาพโดยสมัครใจ 2) ความเป็นไปได้ของขนาดกองทุนและราคาบัตร 3) ความเป็นไปได้ของการบริหารกองทุน และ 4) ความเป็นไปได้ของข่ายการคุ้มครองของการประกัน โดยใช้กองทุนบัตรสุขภาพเป็นหน่วยวิเคราะห์หลัก และใช้ข้อมูลจาก “โครงการวิเคราะห์เพื่อประเมินผลโครงการบัตรสุขภาพของกระทรวงสาธารสุข” ซึ่งคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ดำเนินการเมื่อ เมษายน 2532 ผลการวิจัย พบว่า ความเป็นไปได้ที่จะปรับกองทุนบัตรสุขภาพเข้าสู่ระบบประกันสุขภาพนั้น ในแง่ของการประกันสุขภาพโดยสมัครใจแล้ว ควรให้ความสำคัญต่อการประชาสัมพันธ์อย่างมาก ควรให้กองทุนสามารถขยายขอบข่ายการดำเนินงานให้ครอบคลุมพื้นที่ที่กว้างขวางมากขึ้น ในแง่ของขนาดกองทุน และราคาบัตร พบว่า ราคาบัตรประกันสุขภาพควรมีราคาประมาณ 400 บาท หรือกว่านั้นขึ้นไป และกองทุนต้องขายบัตรให้ได้ไม่น้อยกว่า 31 บัตร แต่ถ้าหากบัตรประกันสุขภาพมีราคา 300 บาท เท่ากับราคาบัตรสุขภาพในปี 2532 อย่างน้อยที่สุดกองทุนจะต้องขายบัตรได้มากกว่า 41 บัตร ขึ้นไปจึงจะมีความเป็นไปได้ในการดำเนินการ ในส่วนของความเป็นไปได้ของการบริหารกองทุน พบว่า กองทุนต้องมีจำนวนเงินกองทุนเกินกว่า 5,000 บาทขึ้นไป และการจ่ายเงินชดเชยสถานบริการเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสมาชิกนั้น กองทุนควรจ่ายเป็นสัดส่วนของเงินค่าขายบัตรดังกรณีบัตรสุขภาพ แต่ควรเพิ่มสัดส่วนการจ่ายให้แก่โรงพยาบาลชุมชน และลดสัดส่วนการจ่ายให้แก่โรงพยาบาลทั่วไป / โรงพยาบาลศูนย์ สำหรับความเป็นไปได้ในแง่ของขอบข่ายการคุ้มครองของการประกันสุขภาพ บัตรประกันสุขภาพควรจำกัดชนิดและประเภทของโรคที่ให้การรักษา โดยมีขอบเขตเพียงให้การรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย และรวมถึงการป้องกัน การส่งเสริมสุขภาพอนามัย และการวางแผนครอบครัวเท่านั้น ส่วนพิกัดจำนวนสมาชิกที่สามารถใช้สิทธิในบัตรได้นั้น ควรกำหนดเป็น 5 คน