Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/62903
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorณรงค์ อยู่ถนอม-
dc.contributor.authorสุปราณี ศฤงคารพูนเพิ่ม-
dc.contributor.otherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บัณฑิตวิทยาลัย-
dc.date.accessioned2019-09-04T08:19:59Z-
dc.date.available2019-09-04T08:19:59Z-
dc.date.issued2539-
dc.identifier.isbn9746347098-
dc.identifier.urihttp://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/62903-
dc.descriptionวิทยานิพนธ์ (วศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2539-
dc.description.abstractวิทยานิพนธ์นี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบเนื่องจากการวางตัวของระบบป้อนกำลังแบบสายนำสัญญาณไมโครสตริปต่อลักษณะสมบัติของสายอากาศไมโครสตริปที่มีโพลาไรเซชันแบบวงกลม ด้วยวิธีการใช้แบบจำลองแบบโพรงและการกระจายฟังก์ชันค่าเจาะจงของฟังก์ชันของกรีน โดยใช้โปรแกรมแมทแคดเวอร์ชัน 5.0 พลัสช่วยในการคำนวณลักษณะสมบัติของสายอากาศไมโครสตริป กรณีที่ศึกษาประกอบด้วยสายอากาศรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีการจ่ายกระแสกระตุ้นสองจุดและสายอากาศรูปสี่เหลื่ยมใกล้เคียงจัตุรัสที่มีการจ่ายกระแสกระตุ้นหนึ่งจุด ในกรณีของสายอากาศรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีการจ่ายกระแสกระตุ้นสองจุด พบว่าลักษณะสมบัติของสายอากาศมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อพารามิเตอร์ของสายนำสัญญาณไมโครสตริปมีค่าเปลี่ยนไป พารามิเตอร์ดังกล่าวได้แก่ ตำแหน่งการจ่ายกระแสกระตุ้นที่ขั้วเข้า ความยาวของสายนำสัญญาณ และอิมพีแดนซ์ลักษณะสมบัติของสายนำสัญญาณไมโครสตริป นอกจากนี้ยังพบว่าการรบกวนลักษณะสมบัติของสายอากาศเนื่องจากสายนำสัญญาณไมโครสตริปจะมีค่าน้อยที่สุด เมื่ออิมพีแดนซ์ลักษณะสมบัติของสายนำสัญญาณมีค่าใกล้เคียงกับอิมพีแดนซ์ขาเข้าของสายอากาศ ตำแหน่งขั้วเข้าของสายอากาศอยู่ที่บริเวณ 0.45-0.55 เท่าของความยาวด้าน และความยาวสายนำสัญญาณช่วงที่ต่อกับสายอากาศมีค่าระหว่าง 0.1-0.2 เท่าของความยาวคลื่นในแผ่นฐานไดอิเล็กตริก สำหรับกรณีของสายอากาศรูปสี่เหลี่ยมใกล้เคียงจัตุรัสที่มีการจ่ายกระแสกระตุ้นหนึ่งจุดที่มุมใดมุมหนึ่งของแผ่นสายอากาศพบว่า ตำแหน่งการจ่ายกระแสกระตุ้นจะทำให้ทิศการหมุนของโพลาไรเซซันเปลี่ยนแปลงไป แต่การเปลี่ยนปลงของมุมที่สายนำสัญญาณกระทำต่อแผ่นสายอากาศและการเปลี่ยนแปลงของอิมพีแดนซ์ลักษณะสมบัติของสายนำสัญญาณไมโครสตริปส่งผลกระทบต่อลักษณะสมบัติของสายอากาศน้อยมาก-
dc.description.abstractalternativeThe objective of this thesis is to study the effect of microstrip feed alignment on characteristics of circular-polarized square patch microstrip antenna. The combination of cavity model and expansion of Green’s function in eigen function are used as the analysis method for two study cases – the single feed network and the dual feed network. In the case of dual feed network, three parameters of the feed line which affect the antenna characteristics are feed position, feed length and characteristic impedance. These parameters cause losses and spurious radiation from discontinuities, undesired mode and mutual coupling phenomenon. These effects will diminish when the following conditions are satisfied: 1. Characteristic impedance matches the antenna’s input impedance. 2. feed position is in the range of 0.45-0.55 of patch length. 3. feed length at the input port of the antenna is approximately 0.1-0.2 wavelength in dielectric substrate. In the case of singly-fed microstrip antenna, feed position affects only on the sense of polarization while characteristic impedance of microstrip feedline together with the angle between feedline and patch have insignificant effects.-
dc.language.isoth-
dc.publisherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย-
dc.rightsจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย-
dc.subjectโพลาไรเซชัน (แสง)-
dc.subjectสายอากาศ-
dc.subjectสายอากาศไมโครสตริป-
dc.subjectอิมพีแดนซ์-
dc.subjectPolarization (Light)-
dc.subjectAntennas (Electronics)-
dc.subjectMicrostrip antennas-
dc.subjectImpedance (Electricity)-
dc.titleการศึกษาผลกระทบเนื่องจากการวางตัวของระบบป้อนกำลัง แบบสายนำสัญญาณไมโครสตริปต่อลักษณะสมบัติ ของสายอากาศไมโครสตริปรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส-
dc.title.alternativeMicrostrip feed alignment effect on square patch microstrip antenna characteristics-
dc.typeThesis-
dc.degree.nameวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต-
dc.degree.levelปริญญาโท-
dc.degree.disciplineวิศวกรรมไฟฟ้า-
dc.degree.grantorจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย-
Appears in Collections:Grad - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Supranee_sa_front_p.pdf5.5 MBAdobe PDFView/Open
Supranee_sa_ch1_p.pdf3.13 MBAdobe PDFView/Open
Supranee_sa_ch2_p.pdf7.96 MBAdobe PDFView/Open
Supranee_sa_ch3_p.pdf11.13 MBAdobe PDFView/Open
Supranee_sa_ch4_p.pdf18.17 MBAdobe PDFView/Open
Supranee_sa_ch5_p.pdf2.47 MBAdobe PDFView/Open
Supranee_sa_back_p.pdf3.91 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.