Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/63456
Title: ความสัมพันธ์ของรูปแบบการเลี้ยงดูและพฤติกรรมการกล้าแสดงออกเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนเองของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
Other Titles: The Relationship between parenting styles and assertive behaviour to protect their rights of grade 3rd students
Authors: นิราวัลย์ ฟองโหย
Advisors: อลิสา วัชรสินธุ
Other author: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะแพทยศาสตร์
Advisor's Email: Alisa.W@Chula.ac.th
Issue Date: 2561
Publisher: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Abstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของรูปแบบการเลี้ยงดูและพฤติกรรมการกล้าแสดงออกเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนเองของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 วิธีการศึกษา เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง กลุ่มตัวอย่าง คือนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 184 คน เก็บข้อมูลในช่วงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2561 โดยใช้แบบสอบถามรูปแบบการเลี้ยงดูของณริดา รัตนอัมพา และแบบทดสอบ How Assertive Am I? ของ University of Oxford 2015 ที่แปลเป็นภาษาไทย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐาน ได้แก่ จำนวน ร้อยละ และสถิติเชิงอนุมาน คือ Chi-square และ Binary Logistic Regression Analysis ผลการวิจัยพบว่ารูปแบบการเลี้ยงดูของผู้ปกครองของเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ส่วนใหญ่เป็นแบบผสมประชาธิปไตย อำนาจนิยม และตามใจ คิดเป็นร้อยละ 52.3 รองลงมาเป็นแบบผสมประชาธิปไตยและตามใจ คิดเป็นร้อยละ 24.1 แบบประชาธิปไตย คิดเป็นร้อยละ 17.8 และเป็นแบบผสมประชาธิปไตยและอำนาจนิยม คิดเป็นร้อยละ 5.7 ตามลำดับ ส่วนรูปแบบพฤติกรรมการกล้าแสดงออกเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนเองของกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นแบบกล้าแสดงออก คิดเป็นร้อยละ 93.9 รองลงมาเป็นแบบไม่กล้าแสดงออก คิดเป็นร้อยละ 3.9 และแบบผสม คิดเป็นร้อยละ 2.2 ตามลำดับ จากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ พบว่า รูปแบบการเลี้ยงดูและพฤติกรรมการกล้าแสดงออกเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนเอง มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และรูปแบบการเลี้ยงดูแบบผสม (ประชาธิปไตย อำนาจนิยม และตามใจ) มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมกล้าแสดงออกเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนเอง นอกจากนี้จากการวิเคราะห์ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง พบว่าผู้ปกครองที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท มีความสัมพันธ์กับรูปแบบการเลี้ยงดูแบบผสม ข้อมูลที่ได้จากญาติ มีความสัมพันธ์กับรูปแบบการเลี้ยงดูแบบประชาธิปไตย และเด็กที่เป็นลูกคนเดียว มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมกล้าแสดงออกเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนเอง  
Other Abstract: The purpose of this research was to study the relationship between form of parenting styles and the assertive behaviour to protect their right of 3rd grade students. A cross-sectional study of 184 third grade students were performed in October 2018. The instruments used to collect data included the questionnaire on the parenting styles by Rattana-umpa, N. and “How Assertive Am I?” test by University of Oxford 2015 translated into Thai. The statistics used are percentage and inferential statistics including Chi-square, Odd Ratio (OR) and Binary Logistic Regression Analysis. The results showed that the most frequency parenting styles used was the mixture of democracy, authoritarian and permissive parenting styles (52.3%) followed by the mixture of democracy and authoritarian parenting styles (24.1%). Democracy parenting style (17.8%) and the mixture of democracy and authoritarian parenting styles (5.7%). For the assertive behaviour to protect their rights of the 3rd grade students, the result revealed that 93.9 percent of students performed assertive behaviour to protect their rights while 3.9 percent of students perform non-assertive behaviour. Nevertheless, there is 2.2 percent showed a mixture between assertive and passive behaviour. Analysis of the relationship between form of parenting styles and the assertive behaviour to protect their right have a statistically significant at p-valued of .005 and showed that the mixture parenting styles (democracy, authoritarian and permissive) was related with assertive behaviour to protect their right. Factor Analysis showed that the relative relationship was associated with democracy parenting style, parental monthly income less than 15,000 Baht was associated with the mixture parenting styles. Moreover, being single child was associated with assertive behaviour to protect their right.
Description: วิทยานิพนธ์ (วท.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2561
Degree Name: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level: ปริญญาโท
Degree Discipline: สุขภาพจิต
URI: http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/63456
URI: http://doi.org/10.58837/CHULA.THE.2018.1426
metadata.dc.identifier.DOI: 10.58837/CHULA.THE.2018.1426
Type: Thesis
Appears in Collections:Med - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
6074260730.pdf993.23 kBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.