Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/64076
Title: | ปัญหามาตรการทางภาษีเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน |
Authors: | อภินันท์ อิทธิวราภรณ์กุล |
Advisors: | ปิติ เอี่ยมจำรูญลาภ |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์ |
Advisor's Email: | piti.e@chula.ac.th |
Subjects: | พลังงานทดแทน การใช้พลังงาน -- ไทย การยกเว้นภาษีอากร |
Issue Date: | 2561 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | การผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทน เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ หรือก๊าซชีวภาพนั้นเกิดขึ้นในประเทศไทยมาเป็นเวลานานแล้ว และทางรัฐบาลก็มีนดยบายสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทนในหลากหลายรูปแบบทั้งที่เป็นมาตรการที่มิใช่ทางภาษีและมาตรการทางภาษี เช่น มาตรการการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน มาตรการการลดหรือยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลผ่านทางการรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI มาตรการเกี่ยวกับภาษีศุลกากร เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ภายใต้มาตรการส่งเสิรมการลงทุนของประเทศไทยที่มีอยุ่ปัจจุบันนั้น เป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนเฉพาะการลงทุนในส่วนของนิติบุคคลที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนเท่านั้น และมาตรการดังกล่าวเป็นการส่งเสริมการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมที่ผู้ลงทุนมีการนำพลังงานทดแทนเข้ามาใช้ในกิจการ แต่ในส่วนของกิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนนั้นกลับไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งผู้ลงทุนไม่สามารถที่จะใช้สิทธิประโยชน์จากมาตรการนี้ได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่ายังไม่มีมาตรการส่งสเริมที่เป็นให้การทั่วไปกับกิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ดังนั้น หากมองในด้านของกิจการ บถคคลเหล่านี้ย่อมไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากมาตรการนี้เลย ซึ่งจากเหตุผลดังกล่าวข้างต้นอาจเป็นเหตุให้มีความไม่แน่นอนและส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้ นับเป็นอุปสรรคในการเข้ามาประกอบธุรกิจที่เกี่ยวกับพลังงานทดแทนของต่างประเทศมาปรับใช้ โดยทำการพิจารณาตามความเหมาะสมกับประเทศไทย เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่ผู้เขียนได้ทำการศึกษา ได้แก่ ประเทศเวียดนามและประเทศเยอรมนีพบว่าการส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนหรือพลังงานทางเลือกของทั้งสองประเทศมีลักษณะไปในทิศทางเดียวกันกับประเทศไทย กล่าวคือ ทั้งสองประเทศดังกล่าวมุ่งพัฒนาแหล่งพลังงานทดแทนและมีนโยบายต่าง ๆ ที่เป็นการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อป้องกันการเกิดวิกฤตขาดแคลนพลังงาน ลดปัญหาการเกิดภาวะโลกร้อนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตโดยการส่งเสริมการลงทุนจากภาคเอกชนเพื่อพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน ซึ่งประเทศไทยสามารถที่จะศึกษานโยบายการส่งเสิรมการใช้พลังงานทดแทนจากกลุ่มประเทศดังกล่าวเพื่อนำมาปรับใช้ให้มีความเหมาะสมกับบริบทของประเทศไทยได้ จากการศึกษาพบว่าควรผลักดันให้มีมาตรการทางกฎหมายและมาตรการทางภาษีในการสนับสนุนธุรกิจพลังงานทดแทนเป็นการทั่วไป ซึ่งหากประเทศไทยมีมาตรการดังกล่าวและมีการใช้บังคับ ซึ่งจะมีส่วนช่วยดึงดูดให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น และมีผลทำให้ประเทศไทยก็จะมีทางเลือกในการใช้พลังงานมากขึ้นและเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนพลังงานที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า รวมทั้งยังเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย |
Description: | เอกัตศึกษา (ศศ.ม.)—จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2561 |
Degree Name: | ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต |
Degree Level: | ปริญญาโท |
Degree Discipline: | กฎหมายเศรษฐกิจ |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/64076 |
URI: | http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2018.24 |
metadata.dc.identifier.DOI: | 10.58837/CHULA.IS.2018.24 |
Type: | Independent Study |
Appears in Collections: | Law - Independent Studies |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
6086244734.pdf | 57.47 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.