Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/68406
Full metadata record
DC Field | Value | Language |
---|---|---|
dc.contributor.advisor | ศุภกนก ทองใหญ่ | - |
dc.contributor.author | เสาวรภย์ ภารัญนิตย์ | - |
dc.contributor.other | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะวิศวกรรมศาสตร์ | - |
dc.date.accessioned | 2020-10-07T08:35:43Z | - |
dc.date.available | 2020-10-07T08:35:43Z | - |
dc.date.issued | 2542 | - |
dc.identifier.isbn | 9743346198 | - |
dc.identifier.uri | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/68406 | - |
dc.description | วิทยานิพนธ์ (วศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2542 | - |
dc.description.abstract | การประยุกต์ใช้สถิติมาอธิบายผลของปรากฎการณ์การแยกเฟสแบบสปินนูดอล (Spinodal Decomposition ) โดยในงานวิจัยนี้ จะวิเคราะห์ข้อมูลจากการทดลองโดยใช้ทฤษฎีของคาน-ฮิวลาร์ด (Cahn -Hilliard ) และทฤษฎีของแลงเกอร์-บาร์ออน-มิลเลอร์ (Langer , Bar-On and Miller) ซึ่งข้อมูลที่ นำมาวิเคราะห์ได้จากการวัดโดยใช้เครื่องการกระเจิงแสงที่มุมแคบ (Small Angle Light Scattering - SALS ) ของพอลิเมอร์ผสมของเตตระเมทิวบิสฟีนอลพอลิคาร์บอเนต (Tetramethyl Bisphenol Apolycarbonate - TMPC ) และพอลิสไตรีน (Polystyrene - PS) ที่ส่วนประกอบ 30% wt , 50% wt และ 70% wt ของ TMPC ที่อุณหภูมิต่าง ๆ โดยข้อมูลนี้ได้จากการเตรียมตัวอย่าง 2 วิธี คือ วิธีหลอมเหลว (Melt Mix) และวิธีหล่อด้วยตัวทำละลาย (Solvent Casting) ตัวแปรที่นำมาพิจารณา คือ ค่าความเข้มแสง , มุมการกระเจิงแสง และเวลา เพื่อหาวิธีวิเคราะห์ผลทางสถิติของปรากฎการณ์การแยกเฟสแบบสปินนูดอล และความแตกต่างของสมการทั้งสอง โดยจะนำไปหาค่าพารามิเตอร์แต่ละเทอมของปรากฎการณ์การแยกเฟสแบบสปินนูดอลโดยใช้วิธีวิเคราะห์ความถดถอยแบบนอนลิเบียร์ ในการเปรียบเทียบผลการวิเคราะห์ระหว่างสมการแลงเกอร์-บาร์ออน-มิลเลอร์ กับเทอมของคาน-ฮิวลาร์ด จะเห็นได้ว่า สมการแลงเกอร์-บาร์ออน-มิลเลอร์ สามารถอธิบายชุดข้อมูลนี้ได้ดีกว่าสมการคาน-ฮิวลาร์ด และจากการเปรียบเทียบผลการวิเคราะห์จากวิธีการเตรียมตัวอย่างทั้ง 2 วิธี พบว่า สมการแลงเกอรบาร์ออน-มิลเลอร์ สามารถอธิบายชุดข้อมูลของวิธีหลอมเหลวได้ดีกว่าวิธีหล่อด้วยตัวทำละลาย | - |
dc.description.abstractalternative | Application of statistics method to described spinodal decomposition phenomenon of polymer blends by comparing Cahn-Hilliard equation and Langer, Bar-on and Miller equation were explored. The raw data were obtained from using Small Angle Light Scattering (SALS) of the polymer blends between Tetramethyl Bisphenol A polycarbonate (TMPC) and Polystyrene (PS) at 30% wt, 50% wt and 70% wt of TMPC by solvent casting method and 50% wt TMPC by melt mix method at different temperatures. The variables were scattering intensity, scattering angle and time. The suitable statistics nonlinear regression were choosen and verified. The Langer, Bar-on and Miller equation was more suitable to the raw data than Cahn-Hilliard equation. Moreover the Langer, Bar-on and Miller was proved to be the better theory to explain the melt mix data than the solvent casting data. | - |
dc.language.iso | th | - |
dc.publisher | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | - |
dc.rights | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | - |
dc.subject | โพลิเมอร์ผสม | - |
dc.subject | การแยกเฟสแบบสปินนูดอล | - |
dc.subject | แสง -- การกระเจิง | - |
dc.subject | Spinodol decomposition | - |
dc.subject | Phase partition | - |
dc.subject | Cahn-Hilliard equation | - |
dc.subject | Langer, Bar-On and Miller equation | - |
dc.title | การหาค่าพารามิเตอร์สำหรับสมการที่ดัดแปลงจากสมการคาน-ฮิวลาร์ด (สมการแลงเกอร์-อาร์ออน-มิลเลอร์) โดยใช้วิธีวิเคราะห์แบบนอนลิเนียร | - |
dc.title.alternative | Calculated parameters from modified cahn-hilliard equation (langger, bar-on and miller equation by nonlinear regression | - |
dc.type | Thesis | - |
dc.degree.name | วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต | - |
dc.degree.level | ปริญญาโท | - |
dc.degree.discipline | วิศวกรรมเคมี | - |
dc.degree.grantor | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | - |
Appears in Collections: | Eng - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Saowarop_pa_front_p.pdf | 970.27 kB | Adobe PDF | View/Open | |
Saowarop_pa_ch1_p.pdf | 713.6 kB | Adobe PDF | View/Open | |
Saowarop_pa_ch2_p.pdf | 1.28 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Saowarop_pa_ch3_p.pdf | 741.63 kB | Adobe PDF | View/Open | |
Saowarop_pa_ch4_p.pdf | 2.87 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Saowarop_pa_ch5_p.pdf | 658.36 kB | Adobe PDF | View/Open | |
Saowarop_pa_back_p.pdf | 912.05 kB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.