Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/71212
Title: | ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล เจตคติต่อวิชาชีพการพยาบาล การบริหารงานแบบมีส่วนร่วมของหัวหน้าหอผู้ป่วย กับคุณภาพชีวิตการทำงานของพยาบาล ในโรงพยาบาลสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย |
Other Titles: | Relationships between personal factors, attitude toward nursing profession, head nurses' participative management, and quality of working life of nurses in hospitals under the jurisdiction of the Ministry of University aAffairs |
Authors: | ศิริกุล จันพุ่ม |
Advisors: | จินตนา ยูนิพันธุ์ จิราพร เกศพิชญวัฒนา |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะพยาบาลศาสตร์ |
Subjects: | คุณภาพชีวิตการทำงาน พยาบาล การจัดการ -- การมีส่วนร่วมของลูกจ้าง คุณภาพชีวิต การพยาบาล |
Issue Date: | 2543 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล เจตคติต่อวิชาชีพการพยาบาล การบริหารงานแบบมีส่วนร่วมของหัวหน้าหอผู้ป่วย กับคุณภาพชีวิตการทำงานของพยาบาล โรงพยาบาลสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย และเพื่อศึกษาตัวแปรที่ร่วมกันพยากรณ์คุณภาพชีวิตการทำงานของพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย กลุ่มตัวอย่างคือพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย จำนวน 375 คน สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบถามข้อมูลด้านปัจจัยส่วนบุคคล เจตคติต่อวิชาชีพการพยาบาล การบริหารงานแบบมีส่วนร่วมของหัวหน้าหอผู้ป่วย และแบบวัดคุณภาพชีวิตการทำงานของพยาบาลที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น โดยใช้เนื้อหาที่ วิเคราะห์จากการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญ 10 ท่าน หาค่าความเที่ยงของแบบสอบถามด้วยวิธีคำนวณสูตรแอลฟาของครอนบาค วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ย ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบเพิ่มตัวแปรเป็นขั้นตอน ผลการวิจัยที่สำคัญมีดังนี้ 1. คุณภาพชีวิตการทำงานของพยาบาลโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง คุณภาพชีวิตการทำงานด้านความพึงพอใจในงานโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง ด้านความพึงพอใจในงานเฉพาะด้านอยู่ในระดับปานกลาง ด้านลักษณะงานอยู่ในระดับปานกลางค่อนข้างสูง ด้านความผูกพันกับงานอยู่ในระดับปานกลาง 2. เจตคติต่อวิชาชีพการพยาบาล มีเจตคติทางบวกน้อย 3. อายุ ระยะเวลาในการปฏิบัติงาน สถานภาพสมรสแต่งงานและอยู่ด้วยกัน การมีรายได้เหลือเก็บออม เจตคติต่อวิชาชีพการพยาบาลและการบริหารงานแบบมีส่วนร่วมของหัวหน้าหอผู้ป่วย มีความสัมพันธ์ทางบวกกับคุณภาพชีวิตการทำงานของพยาบาล อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และการมีรายได้เพียงพอมีความสัมพันธ์ทางลบกับคุณภาพชีวิตการทำงานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนระดับการศึกษา สถานที่ปฏิบัติงาน และสถานภาพสมรสโสด ไม่มีความสัมพันธ์กับคุณภาพชีวิตการทำงาน 4. กลุ่มตัวแปรที่สามารถร่วมกันทำนายคุณภาพชีวิตการทำงานได้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05 ได้แก่ อายุ รายได้เหลือเก็บ เจตคติต่อวิชาชีพการพยาบาลและการบริหารงานแบบมีส่วนร่วมของหัวหน้าหอผู้ป่วย สามารถร่วมกันพยากรณ์คุณภาพชีวิตการทำงานของพยาบาลได้ ร้อยละ36.8 (R2 = .368 ) โดยมีสมการพยากรณ์ในรูปคะแนนมาตรฐานดังนี้ Z = .345*เจตคติ +.355*การบริหาร + .111*รายได้ + .102*อายุ Z - .345* Z เจตคติ + .355* Z การบริหาร |
Other Abstract: | The purposes of this research were to study the relationships between personal factors, attitude toward nursing profession, and head nurses ' participative management with quality of working life of nurses in hospitals under the jurisdiction of the Ministry of University Affairs and to search for the variables which could predict quality of working life of nurses. Research subjects consisted of 375 professional nurses which were selected by stratified random sampling technique. The research instruments was a questionnaire which was developed to measure personal factors, professional attitude, participative management, and quality of working life. The content of the quality of working life questionnaire was derived from the transcription of the indepth interviews of 10 experts. The instrument was tested for content validity and reliability. Statistical used in data analysis included mean, standard deviation, Pearson product moment and stepwise multiple regression analysis. Major findings were the followings ; 1. Quality of working life of professional nurses were at the middle level. 2. The professional nurses had positive attitude toward nursing performance at the low level. 3. There were positively significant relationships between age, working experience, marital status, income saving, participative management, attitude toward profession nursing, and the quality of working life of nurses, at the .05 level. On the other hand, income saving was negatively significant, at the .05 level. There was no relationships between level of education, working place, single status and the quality of working life of professional nurses. 4. The variables that could significantly predicted quality of working life of nurses at the .05 level 1 accounted for 36.80 (R2 = .3680) of the variance. The standardized score functions was Z = .345* ATT + .355* ADM + .111* INC1 + .102* AGE |
Description: | วิทยานิพนธ์(พย.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2543 |
Degree Name: | พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต |
Degree Level: | ปริญญาโท |
Degree Discipline: | การบริหารการพยาบาล |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/71212 |
ISBN: | 9741313683 |
Type: | Thesis |
Appears in Collections: | Nurse - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Sirikul_ch_front_p.pdf | หน้าปก สารบัญ และบทคัดย่อ | 814.78 kB | Adobe PDF | View/Open |
Sirikul_ch_ch1_p.pdf | บทที่ 1 | 851.95 kB | Adobe PDF | View/Open |
Sirikul_ch_ch2_p.pdf | บทที่ 2 | 1.7 MB | Adobe PDF | View/Open |
Sirikul_ch_ch3_p.pdf | บทที่ 3 | 1.22 MB | Adobe PDF | View/Open |
Sirikul_ch_ch4_p.pdf | บทที่ 4 | 1.07 MB | Adobe PDF | View/Open |
Sirikul_ch_ch5_p.pdf | บทที่ 5 | 1.01 MB | Adobe PDF | View/Open |
Sirikul_ch_back_p.pdf | บรรณานุกรมและภาคผนวก | 1.19 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.