Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/74873
Full metadata record
DC Field | Value | Language |
---|---|---|
dc.contributor.advisor | ธัชชัย สุมิตร | - |
dc.contributor.author | สุนันทา ทิพย์มาลย์มาศ | - |
dc.contributor.other | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บัณฑิตวิทยาลัย | - |
dc.date.accessioned | 2021-08-13T02:32:59Z | - |
dc.date.available | 2021-08-13T02:32:59Z | - |
dc.date.issued | 2532 | - |
dc.identifier.isbn | 9745760285 | - |
dc.identifier.uri | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/74873 | - |
dc.description | วิทยานิพนธ์ (วศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2532 | en_US |
dc.description.abstract | ในการศึกษาหาปริมาณความเข้มข้นของตะกั่วในอากาศโดยเทคนิคการเรืองรังสีเอกซ์ระบบ EDX นั้นได้ใช้หัววัด เจอร์มาเนียมบริสุทธิ์สูง HPGe ORTEC MODEL CLP-06165 และอุปกรณ์วิเคราะห์สัญญาณแบบหลายช่อง MCA CANBEPPA SERIES-40 พบว่าต้นกำเนิดรังสีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ตะกั่ว คือ Pu 238 โดยจัดระยะห่างระหว่างต้นกำเนิดรังสีกับตัวอย่างเท่ากับ 7 มิลลิเมตร และเวลาที่ใช้ในการนับรังสีเท่ากับ 2000 วินาที จากการวิเคราะห์ตัวอย่างอากาศ ซึ่งดูดโดยผ่านกระดาษกรองเมมเบรน (ชนิด AA) และกระดาษกรองเซลลูโลส (Whatman เบอร์ 42) ปรากฏว่าค่าต่ำสุดของตะกั่วที่วิเคราะห์ได้บนกระดาษกรองจากผลการทดลองมีค่าประมาณ 9 ไมโดรกรัมจากการเปรียบเทียบผลการวิเคราะห์ระหว่างเทคนิคการเรืองรังสีเอกระบบ EDX, WDX และวิธีอะตอมมิดแอบสอร์ปซันสเปคโตรโฟโตเมตรี ปรากฏผลว่าวิธีทั้ง 3 ให้ผลทัดเทียมกันโดยมีระดับนัยสำคัญ .01 จากการออกเก็บตัวอย่างภาคสนามในโรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งหนึ่งปรากฏว่าความเข้มข้นของตะกั่วในอากาศสูงที่สุดที่ตรวจวัดได้โดยระบบ EDX มีค่า 0.172 มิลลิกรัม / ลูกบาศก์เมตร (เฉลี่ย 8 ชั่วโมง) ในขณะที่เมื่อวิเคราะห์โดยวิธีอะตอมมิคแอบสอร์ปซันสเปคโตรโฟโตเมตร 2 เครื่อง คือ เครื่อง Perkin Elmer 4000 และเครื่อง Shimadzu AA650 ได้ค่า 0.153 และ 0.140 มิลลิกรัม / ลูกบาศก์เมตรตามลาดับ | - |
dc.description.abstractalternative | Determination of lead concentration in air using x-ray fluorescence was done mainly by the EDX technique. The measuring system consists of an x-ray ring source, a HPGe detector ORTEC MODEL GLP-06165 and an MCA CANBERRA SERIES-40. It was found that the most suitable source for the analysis was the 1.11 GBq Pu-238. The system was arranged coaxially with the source placed in the middle, directly on the detector. The optimum distance between the source and the sample was 7 mm, and the counting time was 2000 S. The minimum detectable quantity of lead on membrane filter (AA grade) and cellulose filter (Whatman # 42) was found to be about 9 ug. The 3 methods of analysis, i, e., EDX, WDX, AS were found to give the same result with .01 of significance level. Field tests in a battery factory shoued that the highest concentration of lead in air was 0.172 mg/m3 (8-hr average) when using the EDX method. While the values of 0.153 and 0.140 mg/m3 were determined by the AAS method using Perkin Elmer 4000 and Shimadzu AA 650 respectively. | - |
dc.language.iso | th | en_US |
dc.publisher | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | en_US |
dc.rights | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | en_US |
dc.subject | ตะกั่ว | en_US |
dc.subject | อากาศ -- การวิเคราะห์ | en_US |
dc.subject | มลพิษทางอากาศ -- การวัด | en_US |
dc.subject | รังสีเอกซ์ | en_US |
dc.subject | Lead | en_US |
dc.subject | Air -- Analysis | en_US |
dc.subject | Air -- Pollution -- Measurement | en_US |
dc.subject | X-rays | en_US |
dc.title | การหาปริมาณความเข้มข้นของตะกั่วในอากาศ โดยเทคนิคการการเรืองรังสีเอกซ์ | en_US |
dc.title.alternative | Determination of lead concentration in air using x-ray Fluorescence technique | en_US |
dc.type | Thesis | en_US |
dc.degree.name | วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต | en_US |
dc.degree.level | ปริญญาโท | en_US |
dc.degree.discipline | นิวเคลียร์เทคโนโลยี | en_US |
dc.degree.grantor | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | en_US |
dc.email.advisor | Tatchai.S@Chula.ac.th | - |
Appears in Collections: | Grad - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Sunanta_th_front_p.pdf | 1.17 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Sunanta_th_ch1_p.pdf | 707.87 kB | Adobe PDF | View/Open | |
Sunanta_th_ch2_p.pdf | 1.19 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Sunanta_th_ch3_p.pdf | 1.76 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Sunanta_th_ch4_p.pdf | 2.43 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Sunanta_th_ch5_p.pdf | 661.49 kB | Adobe PDF | View/Open | |
Sunanta_th_back_p.pdf | 903.38 kB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.