Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/77681
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorวุฒิพงษ์ ศิริจันทรานนท์-
dc.contributor.authorสุภารัตน์ เอกจิตราอมร-
dc.contributor.otherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์-
dc.date.accessioned2021-10-31T09:24:46Z-
dc.date.available2021-10-31T09:24:46Z-
dc.date.issued2563-
dc.identifier.urihttp://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/77681-
dc.descriptionเอกัตศึกษา (ศศ.ม)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2563en_US
dc.description.abstractสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่เกิดขึ้น ในปี พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมานั้น ก่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง ทั้งมีผลต่อสุขภาพ สังคม อีกทั้งยังส่งผล กระทบโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจของทุกประเทศ ทำให้ทุกภาคส่วนต้องดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อ แก้ปัญหาที่เกิดขึ้น หนึ่งในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดที่ได้ผลดีคือ การขอความร่วมมือ ให้ข้าราชการ พนักงานของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) เพื่ อเป็นการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ และช่วยชะลอการแพร่ระบาดไม่ให้จำนวนผู้ป่วยสูงจนเกินขีดความสามารถของระบบสาธารณสุข ในช่วงที่การฉีดวัคซีนยังไม่ทั่วถึงเพียงพอที่จะหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้ กรมสรรพากร ได้ออกมาตรการทางภาษีภายใต้หลักปฏิบัติ 4 ประการ ได้แก่ “เลื่อน เร่ง ลด และเพิ่มแรงจูงใจ” อย่างไรก็ตามมาตรการทางภาษีของประเทศไทย เป็นเพียงการบรรเทาภาระภาษี ลดภาระการจ่ายเงินค่าภาษี ของผู้ประกอบการ อันสืบเนื่องมาจากการได้รับผลกระทบจากการแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งมาตรการทางภาษีดังกล่าว ยังไม่มีมาตรการใด ที่จัดได้ว่า เป็นการสนับสนุน ส่งเสริมผู้ประกอบการจัดให้พนักงานในองค์กรของตนทำงานในรูปแบบ Work From Home และไม่มีมาตรการบรรเทาภาระภาษีสำหรับผู้ประกอบการที่ได้จัดให้มี การ Work From Home ดังกล่าว ดังนั้น รัฐบาลควรนำแนวคิดด้านหลักความเป็นกลาง และการแทรกแซงทางภาษีและแนวคิดเกี่ยวกับการบรรเทาภาระภาษีมาปรับใช้ เพื่อช่วยเหลือ ผู้ประกอบการด้านสภาพคล่อง การมีมาตรการทางภาษีที่จูงใจ ชัดเจน สามารถนำมาปฏิบัติได้ และเห็นผลเป็นรูปธรรม ย่อมได้รับความร่วมมือและสนับสนุนจากผู้ประกอบ ถือเป็นการส่งเสริมและ ปฏิบัติตามนโยบายของภาครัฐ จากการศึกษามาตรการทางภาษีของประเทศสหราชอาณาจักร พบว่ามาตรการทางภาษีบาง ประการสามารถนำมาปรับใช้กับประเทศไทยได้ คือ การสนับสนุนเครื่องพิมพ์เอกสารให้พนักงาน ทำงานจากที่บ้าน และการจ่ายเงินชดเชยสำหรับค่าใช้จ่ายภายในบ้านของพนักงานที่เพิ่มขึ้น จากการ Work From Home โดยบริษัทสามารถนำมาบันทึกเป็นรายจ่ายทางภาษีได้เต็มจำนวน และหักจากกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล อีกทั้งไม่ถือเป็นเงินได้หรือประโยชน์ส่วนเพิ่ม สำหรับพนักงาน จึงได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และผู้วิจัยได้นำเสนอแนวทางการขยาย ระยะเวลาการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ผู้ประกอบการ Work From Home ที่ขึ้นทะเบียน กับกรมสรรพากร และการขยายระยะเวลาการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากผลขาดทุนสะสมยกมา ไม่เกิน 5 รอบบัญชี รวมถึงมาตรการเพิ่มสภาพคล่องโดยการเร่งคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ประกอบการ แบบ Work From Home เพื่อเป็นการจูงใจและก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลดีกับ การแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ต่อไปen_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.relation.urihttp://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2020.152-
dc.rightsจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.subjectภาษีเงินได้นิติบุคคลen_US
dc.subjectสิทธิประโยชน์ทางภาษีen_US
dc.titleมาตรการทางภาษีเงินได้นิติบุคคลเพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการจัดให้พนักงาน ทำงานจากบ้าน (Work From Home) ในช่วงการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019en_US
dc.typeIndependent Studyen_US
dc.degree.nameศิลปศาสตรมหาบัณฑิตen_US
dc.degree.levelปริญญาโทen_US
dc.degree.disciplineกฎหมายเศรษฐกิจen_US
dc.degree.grantorจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.email.advisorไม่มีข้อมูล-
dc.subject.keywordไวรัสโคโรนา 2019en_US
dc.subject.keywordwork from homeen_US
dc.identifier.DOI10.58837/CHULA.IS.2020.152-
Appears in Collections:Law - Independent Studies

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
6280203034.pdf2.82 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.