Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/77830
Title: | Compatibilization of ABS/HDPE by maleic anhydride grafted HDPE |
Other Titles: | สภาพความเข้ากันได้ของเอบีเอส/เอชดีพีอีเบลนด์โดยมาเลอิกแอนไฮไดรด์กราฟต์เอชดีพีอี |
Authors: | Charungkit Jaikaew |
Advisors: | Suda Kiatkamjornwong Strauss, Roman Heimuth |
Other author: | Chulalongkorn University. Faculty of Science |
Subjects: | Polymers Maleic anhydride โพลิเมอร์ มาเลอิกแอนไฮไดรด์ |
Issue Date: | 2010 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | This research investigated the compatibility of acrylonitrile butadiene styrene (ABS) – high-density polyethylene (HDPE) blends by maleic anhydride grafied polyethylene compatibilizer (HDPE-g-MAH). The compatibilizer was prepared by a reactive melt grafting of MAH loadings of 1, 2 to 5 phr on HDPE backbone with 0.5 phr dicumyl hydroperoxide initiator in a twin screw extruder. The 2 phr loading gave the highest grafting yield of 1.5 %. The succinyl anhydride ring found on the HDPE chains confirmed the graft reaction. Evaluation of the compatibility was conducted by rheology, log additive rule, scanning electron microscopy, thermal property, and mechanical properties by lzod, flexural and tensile properties of the blends. Both phases, the continuous and dispersed phases exhibited good compatibility under high shear rates with 2 phr HDPE-g-MAH. The SEM indicated that increasing the compatibilizer loadings gave the finer phases leases leading to the better compatibility of polymer blends. The lzod impact and tensile properties of all blend ration increased with the addition of 2 phr HDPE-g-MAH but the flexural strength needed more loading of the compatiblizer. Weathering test of all blends incorporating 2 phr compatibilizer that ABS gave the highest ΔE (yellowness difference) and HDPE the lowest one. ΔE in yellowness of all blends decreased with increasing HDPE blend ratios and increased with increasing exposure time. All ΔE, in yellowness of the blends were significantly different because ΔE was higher than I. The research suggested that more loadings of the compatibilizer be used to increase the compatibilities of all polymer blend ratios. |
Other Abstract: | งานวิจัยนี้ได้ศึกษาสภาพความเข้ากันได้ของพอลิเมอร์ผสมของอะคริโลไนไทรล์บิวตะไดอีนสไตรีน (เอบี เอส) กับพอลิเอทิลีนความหนาแน่นสูง (เอชดีพีอี) โดยใช้มาเลอิกแอนไฮไดรด์กราฟต์เอชดีพีอีเป็นสารเสริม สภาพความเข้ากันได้ เตรียมกราฟต์มาเลอิกแอนไฮไดรด์บนสายโซ่ของเอชดีพีอีโดยใช้เครื่องหลอมสกรูคู่ ใช้มาเลอิกแอนไฮไดรด์ความเข้มข้น 2 ถึง 5 พีเอชอาร์ มีไดคิวมิวเพอร์ออกไซด์เป็นสารริเริ่มปฏิกิริยาด้วยความ เข้มข้นคงตัวร้อยละ 0.5 (พีเอชอาร์) พบว่า การเติบมาเลอิกแอนไอไดรด์ 2 พีเอชอาร์ให้ประสิทธิภาพการ กราฟต์มากสุดร้อยละ 1.5 พบวงแหวนซักซินิแอนไฮไดรด์บนสายโซ่เอชดีพีอีซึ่งยืนยันการเกิดปฏิกิริยาการกราฟต์ ศึกษาสภาพความเข้ากันได้ด้วยวิทยากระแสและแบบจำลอง log additive rule ภาพถ่ายจากกล้อง จุลทรรศน์แบบส่องกราด (SEM) สมบัติทางความร้อน สมบัติแรงกระแทกแบบ izod, flexural และเทนไซล์ พบว่า พอลิเมอร์ผสมที่มีสัดส่วนเอบีเอสหรือเอชดีพีอีเป็นวัฏภาคต่อเนื่อง มีความเข้ากันได้ที่อัตราเฉือนมีค่ามาก ซึ่งยืนยันได้ด้วยความละเอียดที่เพิ่มขึ้นของภาคกระจายและวัฏภาคต่อเนื่อง ภาพถ่าย SEM ระบุว่า ปริมาณมาเลอิกแอนไฮไดรด์กราฟต์เอชดีพีอีเพิ่มขึ้นช่วยให้วัฏภาคทั้งสองวัฏภาคมีความละเอียดมากขึ้น พอลิเมอร์ผสมมีสภาพความเข้ากันได้ดีขึ้น สมบัติความทนแรงกระแทก izod และสมบัติเทนไซล์ดีขึ้น เมื่อมีสารเสริมสภาพเข้ากันได้เพียงร้อยละ 2 ของพอลิเมอร์ ในทุกสัดส่วนของพอลิเมอร์ผสม แต่ flexural strength ต้องการปริมาณของสารเสริมความเข้ากันได้มากกว่าร้อยละ 2 ผลของความทนต่อสภาวะอากาศในเครื่องเร่งสภาพของเอบีเอสมีค่า ΔE ของความเหลืองมากที่สุดและเอชดีพีอีมีค่าน้อยที่สุด ค่า ΔE ของความเหลืองของพอลิเมอร์ผสมลดลงเมื่อเพิ่มสัดส่วนของเอชดีพีอี ค่า ΔE ของความเหลืองเพิ่มขึ้นตามเวลาการฉายรังสี ค่า ΔE ทั้งหมดของความเหลืองมีนัยสำคัญ เพราะมีค่ามากกว่า 1 ผลการทดลองเสนอให้เพิ่มปริมาณเอชดีพีอีกราฟต์มาเลอิกแอนไฮไดรด์ในพอลิเมอร์ผสมเพื่อเพิ่มสภาพความเข้ากันทุกสัดส่วนของพอลิเมอร์ |
Degree Name: | Master of Science |
Degree Level: | Master's Degree |
Degree Discipline: | Petrochemistry and Polymer Science |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/77830 |
URI: | http://doi.org/10.14457/CU.the.2010.2218 |
metadata.dc.identifier.DOI: | 10.14457/CU.the.2010.2218 |
Type: | Thesis |
Appears in Collections: | Grad - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Charungkit_ja_front_p.pdf | Cover and abstract | 964.64 kB | Adobe PDF | View/Open |
Charungkit_ja_ch1_p.pdf | Chapter 1 | 686.12 kB | Adobe PDF | View/Open |
Charungkit_ja_ch2_p.pdf | Chapter 2 | 895.99 kB | Adobe PDF | View/Open |
Charungkit_ja_ch3_p.pdf | Chapter 3 | 851.12 kB | Adobe PDF | View/Open |
Charungkit_ja_ch4_p.pdf | Chapter 4 | 1.5 MB | Adobe PDF | View/Open |
Charungkit_ja_ch5_p.pdf | Chapter 5 | 661.92 kB | Adobe PDF | View/Open |
Charungkit_ja_back_p.pdf | Reference and appendix | 736.2 kB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.