Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/80528
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorอภิชาติ พลประเสริฐ-
dc.contributor.advisorวีระเทพ ปทุมเจริญวัฒนา-
dc.contributor.authorประติมา ธันยบูรณ์ตระกูล-
dc.contributor.otherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะครุศาสตร์-
dc.date.accessioned2022-09-16T08:00:05Z-
dc.date.available2022-09-16T08:00:05Z-
dc.date.issued2561-
dc.identifier.urihttp://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/80528-
dc.descriptionวิทยานิพนธ์ (ค.ด.) -- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2561en_US
dc.description.abstractการวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและรวบรวมองค์ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรศิลปศึกษาโดยใช้สถานที่เป็นฐานเพื่อสร้างนวัตกรรมศิลปวัฒนธรรมชุมชนชานเมือง นำเสนอการพัฒนาหลักสูตร และศึกษาผลของการทดลองใช้หลักสูตร การดำเนินการวิจัยแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การศึกษาเอกสารและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง สัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 18 ท่าน และเก็บข้อมูลจากผู้เรียนจำนวน 15 คน มาวิเคราะห์และสังเคราะห์เกี่ยวกับองค์ประกอบของการพัฒนาหลักสูตร 2) สร้างหลักสูตรและเครื่องมือสำหรับวัดและประเมินผลแล้วตรวจสอบคุณภาพหลักสูตรโดยผู้เชี่ยวชาญ 3) นำหลักสูตรไปทดลองใช้ 4) ศึกษาผลการใช้และปรับปรุงหลักสูตร กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-6 จำนวน 60 คน ใน 6 ชุมชน ชุมชนละ 10 คน จัดกิจกรรมการเรียนรู้รวม 8 กิจกรรม ระยะเวลา 36 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญและผู้เรียน สื่อรูปภาพ (Pile sorting) การอุปมาอุปไมยเชิงภาพ (Pictorial ethnography) หลักสูตร แบบทดสอบความรู้ (ก่อนและหลังเรียน) แบบประเมินชิ้นงาน แบบสังเกตพฤติกรรม การเรียนรู้ แบบประเมินผลการเรียนเป็นกลุ่ม แบบประเมินผลงานนวัตกรรมศิลปวัฒนธรรมชุมชน แบบประเมินความพึงพอใจ และการเขียนสะท้อนคิด วิเคราะห์ข้อมูลด้วย ความถี่ ร้อยละ การวิเคราะห์เนื้อหา ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่า t ผลการศึกษาพบว่าองค์ประกอบของหลักสูตร ประกอบด้วย 1) แนวคิดของหลักสูตร 2) วัตถุประสงค์ 3) สาระการเรียนรู้ ได้แก่ ศิลปวัฒนธรรมชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่น การสร้างนวัตกรรม และสื่อสร้างสรรค์เพื่อต่อยอดเชิงพาณิชย์ 4) การจัดการเรียนรู้โดยใช้สถานที่เป็นฐาน ดังนี้ 4.1 การเชื่อมโยงผู้เรียนกับท้องถิ่นของตน 4.2) การค้นคว้าเกี่ยวกับท้องถิ่น 4.3) การค้นคว้าแบบองค์รวม 4.4) การมีส่วนร่วมในท้องถิ่น 5) กระบวนการพัฒนานวัตกรรมศิลปวัฒนธรรมชุมชน โดยใช้แนวคิดการออกแบบ Design Thinking และกระบวนการคิดสร้างสรรค์แบบ Synectics มี 7 ขั้นตอน ดังนี้ 5.1) ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญา 5.2) วิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการ 5.3) ออกแบบนวัตกรรม 5.3.1 ขั้นสร้างแรงบันดาลใจ 5.3.2 ขั้นเทคนิคที่สนใจ 5.3.3) ขั้นประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 5.3.4) ขั้นออกแบบแบบ Synectics 5.4) สร้างหรือพัฒนานวัตกรรม 5.5) ทดลองใช้นวัตกรรม 5.7 สรุปรายงาน และเผยแพร่ 6) สื่อและแหล่งเรียนรู 7) การประเมินผล 8) การสะท้อนคิด และ 9) ลักษณะผู้เรียน ผลการนำหลักสูตรไปใช้สรุปได้ว่า 1) ในการนำหลักสูตรไปทดลองใช้พบว่า เมื่อนำคะแนนมาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ .05 2) โดยภาพรวมของผลงานนวัตกรรมศิลปวัฒนธรรมชุมชนมีคุณภาพผลงานอยู่ในระดับดีเยี่ยม (x = 4.50) 3) ผู้เรียนมีความพึงพอใจในหลักสูตรในระดับมากที่สุด (x = 4.50) ทั้งนี้ควรมีการศึกษาเพื่อขยายผลการใช้หลักสูตรในระดับการศึกษาที่สูงขึ้นen_US
dc.description.abstractalternativeThe research aims to study and collect knowledge about the development of art education courses base on locations to create innovative arts and culture in suburban communities. To present curriculum development and to study the results of the course trial. The research was divided into 4 steps: 1) Study of relevant documents and theories In-depth interviews with 18 experts and collected information from 15 students to analyze and synthesize about the elements of the development of course 2) Create course and tools for measuring and evaluating and validating the quality of courses by experts. 3) Take the course to try it out. 4) Study the results of using and improving the course examination. The sample group consisted of 60 students in grade 5 - 6, from six communities, 10 students in each community. Learning activities were composed of 8 activities, duration of 36 hours. The research instruments were interviews for experts and learners, pile sorting, pictorial ethnography, art education courses, achievement test (pretestposttest), evaluation form learning behavior, observation form group, evaluation form for innovation in the art and culture of the community, satisfaction assessment form, and reflection writing. Data was analysis by frequency, percentage, content analysis, mean, standard deviation and t-test.en_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.relation.urihttp://doi.org/10.58837/CHULA.THE.2018.1020-
dc.rightsจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.subjectการวางแผนหลักสูตร-
dc.subjectศิลปกรรม -- การศึกษาและการสอน-
dc.subjectCurriculum planning-
dc.subjectArt -- Study and teaching-
dc.titleการพัฒนาหลักสูตรศิลปศึกษาโดยใช้สถานที่เป็นฐานเพื่อสร้างนวัตกรรมศิลปวัฒนธรรมชุมชนชานเมืองen_US
dc.title.alternativeDevelopment of Place-Based Art Education Curriculum to Create Suburban Community Artistic and Cultural Innovationsen_US
dc.typeThesisen_US
dc.degree.nameครุศาสตรดุษฎีบัณฑิตen_US
dc.degree.levelปริญญาเอกen_US
dc.degree.disciplineพัฒนศึกษาen_US
dc.degree.grantorจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.identifier.DOI10.58837/CHULA.THE.2018.1020-
Appears in Collections:Edu - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Edu_Pratima Tu_The_2561.pdf167.36 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.