ความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนสีจากอุณหภูมิของน้ำ และความแข็งผิวของเรซินคอมโพสิต

Abstract

การวิจัยนี้เป็นการทดลองในห้องปฏิบัติการ มีวัตถุประสงค์เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนสีและความแข็งผิวของเรซินคอมโพสิต หลังการแช่น้ำปราศจากอิออนอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส ในช่วงระยะเวลา 8 สัปดาห์ โดยใช้เรซินคอมโพสิต 3 ยี่ห้อ สี A₂ ได้แก่ Z250 Tetric Ceram และ Esthet X เตรียมชิ้นตัวอย่างให้เป็นรูปแผ่นทรงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 15 มิลลิเมตร หนา 2 มิลลิเมตร ยี่ห้อละ 6 ชิ้น หลังทำการบ่มตัวด้วยแสงนำชิ้นตัวอย่างไปแช่น้ำปราศจากอิออนอุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 24 ชั่วโมง จากนั้นนำไปแช่น้ำปราศจากอิออนอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียสที่บรรจุในอ่างน้ำควบคุมอุณหภูมิแบบเขย่า จากนั้นนำชิ้นตัวอย่างมาวัดสีและความแข็งผิวทุกสัปดาห์เป็นเวลา 8 สัปดาห์ ทำการวัดสีในระบบซีไออีแอลเอบี (CIE L*a*b*) ด้วยเครื่องวัดสี (spectrophotometer) โดยใช้แหล่งกำเนิดแสง ดี 65 มุมสะท้อน 10 องศา และวัดความแข็งผิวด้วยเครื่องวัดความแข็งผิว (hardness tester) โดยใช้หัวกดแบบวิกเกอร์และใช้แรงกด 500 กรัม เป็นเวลา 15 วินาที นำค่าการเปลี่ยนสีและค่าการเปลี่ยนแปลงความแข็งของผิวของเรซินคอมโพสิตแต่ละสัปดาห์มาหาความสัมพันธ์โดยใช้สถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ และใช้การทดสอบแบบเพียร์สัน ที่ระดับนัยสำคัญ 0.01 จากผลการวิเคราะห์ทางสถิติ พบว่า การเปลี่ยนสีและการเปลี่ยนแปลงของความแข็งผิวของเรซินคอมโพสิตทั้ง 3 ยี่ห้อ หลังการแช่น้ำ 60 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 8 สัปดาห์ มีความสัมพันธ์กันในรูปเชิงเส้น และมีความสัมพันธ์กันในทิศทางตรงกันข้าม คือเมื่อมีการเปลี่ยนสี เรซินคอมโพสิตจะมีความแข็งผิวลดลง โดยที่ Z250 มีความสัมพันธ์ในรูปเชิงเส้นมากที่สุด(-0.770) รองลงมา คือ Esthet X (-0.645) และ Tetric Ceram (-0.527) ตามลำดับ และพบว่ามีการเปลี่ยนสีและความแข็งผิวชัดเจนในช่วงสัปดาห์แรก ดังนั้นเมื่อแยกวิเคราะห์ความสัมพันธ์เป็น 2 ช่วง พบว่า Z250 ช่วงสัปดาห์แรก มีค่า Pearson correlation เป็น -0.951 ช่วง 2-8 สัปดาห์ มีค่า -0.599 Tetric Ceram ช่วงสัปดาห์แรก มีค่า -0.725 ส่วนช่วง 2-8 สัปดาห์ไม่มีความสัมพันธ์เชิงเส้นต่อกัน และ Esthet X ช่วงสัปดาห์แรก มีค่า -0.743 ส่วนช่วง 2-8 สัปดาห์ ไม่มีความสัมพันธ์เชิงเส้นต่อกัน