Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/41131
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorนงลักษณ์ วิรัชชัย-
dc.contributor.advisorสุวิมล ว่องวาณิช-
dc.contributor.authorมนต์ทิวา ไชยแก้ว-
dc.contributor.otherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะครุศาสตร์-
dc.date.accessioned2014-03-18T02:53:05Z-
dc.date.available2014-03-18T02:53:05Z-
dc.date.issued2542-
dc.identifier.isbn9743332448-
dc.identifier.urihttp://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/41131-
dc.descriptionวิทยานิพนธ์ (ค.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2542en_US
dc.description.abstractการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบผลการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงระยะยาวที่ใช้โมเดลประยุกต์โค้งพัฒนาการที่มีตัวแปรแฝงระหว่างโมเดลที่มีข้อมูลครบสมบูรณ์จากการวัดระยะยาว 5 ครั้ง กับโมเดลที่มีการวัดไม่ครบสมบูรณ์และโมเดลที่มีข้อมูลขาดหาย โมเดลการวัดไม่ครบสมบูรณ์ประกอบด้วยโมเดลที่มีการวัด 3 ครั้งรวม 6 โมเดล และโมเดลที่มีการวัด 4 ครั้ง รวม 4 โมเดล ซึ่งมีรูปแบบการวัดไม่ครบสมบูรณ์แตกต่างกัน โมเดลที่มีข้อมูลขาดหายประกอบด้วยโมเดลที่มีอัตราการขาดหายแตกต่างกันเป็น 5% 10% 15% และ 20% รวม 4 โมเดล ตามลำดับ ข้อมูลสำหรับการวิจัยเป็นข้อมูลทุติยภูมิรวม 4 ชุด ชุดแรกเป็นฐานข้อมูลการวัดระยะยาว 5 ครั้ง ของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ จากนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 406 คน ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ฐานข้อมูลอีก 3 ชุดที่เหลือเป็นข้อมูลอัตราการเข้าเรียนในระดับประถมศึกษามัธยมศึกษาและอุดมศึกษาจากประเทศต่างๆ จำนวน 125, 118 และ 112 ประเทศ เก็บข้อมูลในปี ค.ศ. 1975, 1980, 1985, 1990 และ 1995 ตามลำดับ การวิเคราะห์ความกลมกลืนของโมเดลประยุกต์โค้งพัฒนาการที่มีตัวแปรแฝงกับข้อมูลประจักษ์ทั้ง 4 ชุดใช้โปรแกรมลิสเรล เวอร์ชั่น 8.10 ด้วยรูปแบบคำสั่งสัญญลักษณ์แรมและโปรแกรมอีคิวเอส สำหรับวินโดว์ เวอร์ชั่น 5.7 ปี ผลการวิจัยสรุปได้ว่า 1) ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงระยะยาวของโมเดลที่มีการวัดไม่ครบสมบูรณ์กับโมเดลที่มีการวัดครบสมบูรณ์ส่วนใหญ่มีค่าสูงกว่า .07 โดยโมเดลที่วัดได้ 4 ครั้งมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์สูงกว่าโมเดลที่วัดได้ 3 ครั้ง และโมเดลที่มีช่วงระยะเวลาที่วัดนานมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์สูงกว่าโมเดลที่ช่วงระยะเวลาที่วัดสั้น 2) ค่ารากที่สองของความคลาดเคลื่อนกำลังสองเฉลี่ยระหว่างการเปลี่ยนแปลงระยะยาวจากโมเดลที่มีการวัดครบสมบูรณ์กับโมเดลที่วัดได้ 3 ครั้งมีค่าสูงกว่าโมเดลที่วัดได้ 4 ครั้ง 3) ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงระยะยาวของโมเดลที่มีการวัดครบสมบูรณ์กับโมเดลที่มีอัตราการขาดหายของข้อมูลต่ำมีค่าสูงกว่าโมเดลที่มีอัตราการขาดหายสูง 4) ค่ารากที่สองของความคลาดเคลื่อนกำลังสองเฉลี่ยระหว่างการเปลี่ยนแปลงระยะยาวจากโมเดลที่มีการวัดครบสมบูรณ์กับโมเดลมีอัตราการขาดหายต่ำมีค่าสูงกว่าโมเดลที่มีอัตราการขาดหายสูงen_US
dc.description.abstractalternativeThe purposes of this research were to compare the analysis results of longitudinal change using the modified latent growth curve models between the complete model of 5 waves longitudinal data with the incomplete measurement model and the missing data model. The incomplete measurement models consisted of 6 three-wave models and 4 four-wave models with different patterns of incomplete measurement. The missing data model consisted of 4 model with different rates of missing of 5% 10% 15% and 20% respectively. The research data were 4 databases of secondary data, the first of which is Ittiphong's database on 5 waves longitudinal measurement of mathematics achievement of 406 prathom suksa 6 students in schools under the jurisdiction of Bangkok Metropolis; the remaining three sets of which were primary, secondary and tertiary enrolment ratios of 125, 118 and 112 countries, measuring in 1975, 1980, 1985, 1990 and 1995 respectively. The modified latent growth curve models were fit to the 4 sets of empirical data by employing LISREL version 8.10 with RAM notation and EQS for Windows version 5.7b. The major findings were as follows: 1) most of the correlation coefficients between longitudinal changes of the incomplete measurement models and the complete measurement models were greater than .70. The four-wave models yielded higher correlation coefficients than those of the three-wave models; and the long measuring period models yielded higher correlation coefficients than those of the short measuring period models. 2) The root mean squared error between longitudinal changes from the complete measurement model and the three-wave models were higher than those of the four-wave models. 3) The correlation coefficients between longitudinal changes of the complete measurement model and the missing data models with low missing rates were higher than those of the missing data models with high missing rates. 4) The root mean squared error between longitudinal changes from the complete measurement model and the missing data models with low missing rates were higher than those of the missing data models with high missing ratesen_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.relation.urihttp://doi.org/10.14457/CU.the.1999.516-
dc.rightsจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.subjectLISREL modelen_US
dc.subjectMathematics -- Study and teaching (Elementary)en_US
dc.subjectคณิตศาสตร์ -- การศึกษาและการสอน (ประถมศึกษา)en_US
dc.subjectลิสเรลโมเดลen_US
dc.subjectข้อมูลสูญหาย (สถิติ)en_US
dc.titleการเปรียบเทียบผลการเปลี่ยนแปลงระยะยาวโดยใช้โมเดลประยุกต์โค้งพัฒนาการที่มีตัวแปรแฝงเมื่อมีอัตราการขาดหายของข้อมูล ช่วงเวลาการวัดและจำนวนครั้งที่วัดแตกต่างกันen_US
dc.title.alternativeA comparison of the results of longitudinal change using the modified latent growth curve models with different rates of missing data, measuring periods and measurement wavesen_US
dc.typeThesisen_US
dc.degree.nameครุศาสตรมหาบัณฑิตen_US
dc.degree.levelปริญญาโทen_US
dc.degree.disciplineการวัดและประเมินผลการศึกษาen_US
dc.degree.grantorจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.email.advisorNonglak.W@chula.ac.th-
dc.email.advisorwsuwimon@chula.ac.th-
dc.identifier.DOI10.14457/CU.the.1999.516-
Appears in Collections:Edu - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Monthiwa_Ch_front.pdf313.53 kBAdobe PDFView/Open
Monthiwa_Ch_ch1.pdf270.28 kBAdobe PDFView/Open
Monthiwa_Ch_ch2.pdf454.23 kBAdobe PDFView/Open
Monthiwa_Ch_ch3.pdf258.91 kBAdobe PDFView/Open
Monthiwa_Ch_ch4.pdf1.12 MBAdobe PDFView/Open
Monthiwa_Ch_ch5.pdf370.63 kBAdobe PDFView/Open
Monthiwa_Ch_back.pdf466.36 kBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.