Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/82159
Title: | การเปรียบเทียบประสิทธิผลและความปลอดภัยของการใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวี สูตรที่สองในผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีที่มีการรักษาล้มเหลวจากยาสูตรแรก : การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบและการวิเคราะห์อภิมานเครือข่าย |
Other Titles: | Comparative efficacy and safety of second-line antiretroviral therapyfor treatment failure of HIV Infection:A systematic review and network meta-analysis |
Authors: | นิจวรรณ ชื่นไมตรี ธีราพร สุภาพันธุ์ พีรวัฒน์ จินาทองไทย ณธร ชัยญาคุณาพฤกษ์ เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะแพทยศาสตร์ |
Subjects: | โรคเอดส์ การติดเชื้อเอชไอวี โรคเอดส์ -- ผู้ป่วย |
Issue Date: | Jul-2565 |
Publisher: | คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ |
Citation: | วารสารเภสัชกรรมไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 14,3 (ก.ค.-ก.ย. 2565) หน้า712-732 |
Abstract: | วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาประสิทธิผลและความปลอดภัยของการใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีสูตรที่สองในผู้ป่วยที่มีความล้มเหลวจากยาสูตรแรกเปรียบเทียบกับสูตรยาต้านไวรัสเอชไอวีมาตรฐานของสูตรที่สองตามแนวทางการรักษาขององค์กรอนามัยโลก (lopinavir/ritonavir (LPV/r)+2 nucleoside reverse transcriptase inhibitors (2NRTIs)) วิธีการ: การศึกษานี้ใช้การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบและวิเคราะห์อภิมานเครือข่าย ทำการสืบค้นงานวิจัย ชนิดการวิจัยเชิงทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม จากฐานข้อมูล Pubmed, Embase, Cochrane Central Register of Controlled Trials, Clinicaltrial.gov และ The International Clinical trials Registry Platform โดยสืบค้นตั้งแต่เริ่มมีฐานข้อมูลถึงเดือนธันวาคม 2563 ผลการวิจัย: มีการศึกษาที่ถูกคัดเข้า 7 ฉบับ ผู้ป่วยทั้งหมด 3,819 ราย โดยทั้งหมดเป็นผู้ป่วยที่ล้มเหลวจากยาต้านไวรัสสูตรแรกซึ่งเป็นสูตร non-nucleoside reverse transcriptase inhibitors (NNRTIs) based ระยะเวลาในการศึกษาที่ 48 สัปดาห์ในเรื่องประสิทธิผลและความปลอดภัย มีกลุ่มควบคุมเป็นสูตรยามาตรฐานที่เป็นสูตรที่สอง (2NRTIs+boosted protease inhibitors (bPIs)) พบว่า สูตรยาต้านไวรัสสูตรที่สองที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือ 2NRTIs+dolutrgravir (DTG) มีประสิทธิผลในการกดเชื้อไวรัสในกระแสเลือด มากกว่ากลุ่มควบคุมที่เป็นสูตรที่สอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (RR 1.14, 95% CI 1.04 -1.26 และ RR 1.20, 95% CI 1.10 – 1.31 ตามลำดับ) ในด้านอาการข้างเคียงทางระบบทางเดินอาหาร สูตร 2NRTIs+DTG นี้มีความปลอดภัยมากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (RR 0.25, 95% CI 0.13 – 0.48) สรุป: ปัจจุบันตามแนวทางการตรวจวินิจฉัยรักษาและป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีประเทศไทย ปี 2563/ 2564 นั้นได้แนะนำให้ใช้ยาสูตร TDF+3TC/ FTC+DTG ในกลุ่มผู้ป่วยที่เริ่มยาต้านไวรัสครั้งแรก แต่ทั้งนี้ยังมีผู้ป่วยอีกจำนวนหนึ่งที่ใช้สูตรยาต้านไวรัสเอชไอวีสูตรแรกที่ไม่ใช่สูตร DTG ดังนั้นการวิจัยในครั้งนี้จึงเป็นประโยชน์ในการเป็นแนวทางเลือกสูตรยาสูตรที่สองกลุ่มใหม่ที่มีทั้งทางด้านประสิทธิผลและความปลอดภัย |
Other Abstract: | Objective:To determine the efficacy and safety of a second antiretroviral regimen in patients with failure from the first regimen compared with those of the standard second regimen of antiretroviral regimens according to treatment guidelines of the World Health Organization (lopinavir/ritonavir (LPV/r)+2 nucleoside reverse transcriptase inhibitors(2NRTIs)). Method:This study used a systematic literature review and network meta-analysis. We searched randomized controlled trials (RCT) in the Pubmed, Embase, CochraneCentral Register of controlled trials, Clinicaltrial.gov, and the International Clinical trials Registry Platform databases from the inception through December 2020. Results: A total of 7 randomized controlled trials with 3,819 participants were included.All of these patients had failed the first non-nucleoside reverse transcriptase inhibitors(NNRTIs) -based ART regimen. The duration of the study was 48 weeks for efficacy and safety, Control group was patients with a second standard regimen (2NRTIs+boosted protease inhibitors (bPIs)). The findings showed that the most effective second antiretroviral regimen was 2NRTIs+DTG with a significantly better viral suppression than the standard secondcontrol regimen (RR 1.14, 95% CI 1.04 -1.26 and RR 1.20, 95% CI 1.10 -1.31, respectively).In terms of gastrointestinal side effects, 2NRTIs+DTG was safer than a standard second-line regimen (RR 0.25, 95% CI 0.13 –0.48). Conclusion: According to Thailand'sGuidelines for HIV infection Diagnosis, Treatment, and Prevention in 2020/ 2021, TDF+3TC/FTC+DTG formulations are currently recommended in patients starting antiretroviral therapy for the first time. However, non-DTG antiretroviral regimens are still used as first-line antiretroviral therapy in some patients. As a result, this study can provide useful information for selecting second-line regimens that are both effective and safe. |
URI: | https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/82159 |
URI: | https://he01.tci-thaijo.org/index.php/TJPP/article/view/251857 |
ISSN: | 1906-5574 |
Type: | Article |
Appears in Collections: | Thai Journal Article |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
html_submission_85143.html | บทความวารสารฉบับเต็ม (Fulltext) | 2.78 kB | HTML | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.