Abstract:
กรุงเทพมหานครในฐานะเมืองหลวงของประเทศและเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น มีอำนาจหน้าที่ในการจัดบริการสาธารณะต่างๆ ให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น ทำให้ต้องใช้จ่ายงบประมาณเป็นจำนวนมาก ในขณะที่กฎหมายให้อำนาจกรุงเทพมหานครประกอบการพาณิชย์เพื่อเป็นรายได้ของท้องถิ่น แต่ปรากฏว่ารายได้จากการพาณิชย์ของกรุงเทพมหานครมีจำนวนไม่ถึง 0.2% ของรายได้ทั้งหมด ทำให้ต้องพึ่งพารายได้หลักจากรัฐบาล จากการศึกษาวิจัยพบว่าการพาณิชย์ของกรุงเทพมหานครมีจำกัดเพียงไม่กี่ประเภท การบริหารจัดการอยู่ภายใต้การควบคุมของกรุงเทพมหานคร โดยอิงระบบและระเบียบของทางราชการ ทำให้การบริหารงานขาดความคล่องตัว ล่าช้า ซึ่งไม่เหมาะสมกับการดำเนินกิจการทางธุรกิจ ดังนั้นการเลือกประเภทการพาณิชย์ที่เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่นและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน พร้อมกับการพัฒนาการจัดการและรูปแบบการประกอบการพาณิชย์โดยร่วมกับเอกชน หน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่มอื่น ในรูปของ "วิสาหกิจมหาชนส่วนท้องถิ่น" โดยการจัดตั้ง "บริษัท" ซึ่งทำให้องค์กรมีฐานะเป็น "นิติบุคคล" และเรียกเก็บ "ค่าบริการ" ตามหลักผู้รับประโยชน์จากบริการของรัฐ จะทำให้การพาณิชย์มีจำนวนเพิ่มขึ้น และมีความคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยลดภาระในการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายของกรุงเทพมหานครแล้ว กรุงเทพมหานครยังจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากเงินปันผล ซึ่งสามารถนำไปใช้จ่ายในกิจการอื่นๆ ต่อไปได้ด้วย แต่เนื่องจากพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 มาตรา 94 บัญญัติให้อำนาจกรุงเทพมหานครในการก่อตั้งบริษัทได้เฉพาะกิจการสาธารณูปโภคเท่านั้น ดังนั้น จึงต้องดำเนินการแก้ไขพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 มาตรา 94 โดยเพิ่มเติมความในวรรคท้าย ให้อำนาจกรุงเทพมหานครสามารถก่อตั้ง หรือ ถือหุ้นในบริษัทที่มีวัตถุประสงค์ในการประกอบการพาณิชย์เพื่อให้กรุงเทพมหานครมีรายได้มากขึ้น