Abstract:
ศึกษาและเปรียบเทียบวิธีการปรับโครงสร้างหนี้สินเชื่อโครงการที่อยู่อาศัยของเจ้าหนี้ 3 ราย คือ บริษัทเงินทุนเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด และบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ใช้วิธีการสัมภาษณ์เพื่อหาวิธีการปรับโครงหนี้ของเจ้าหนี้ดังกล่าว จากผู้บริหารที่มีอำนาจ หน้าที่ต่อการตัดสินใจ ระดับนโยบายโดยกำหนดแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ ของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นเกณฑ์ ผลการศึกษามีดังนี้ เปรียบเทียบกับแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย 11 วิธีกับหน่วยงานทั้ง3 แห่ง ที่เป็นเจ้าหนี้ การให้ความสำคัญของวิธีการปรับโครงสร้างหนี้ ตามความเห็นของ บริษัทเงินทุนเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ที่เป็นหน่วยงานเอกชน เห็นว่าวิธีการปรับโครงสร้างหนี้ที่สำคัญที่สุดคือ วิธีลดหนี้เงินต้น-ดอกเบี้ย และบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด กับบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ที่เป็นหน่วยงานรัฐบาล ได้ให้ความสำคัญกับวิธีขยายระยะเวลาชำระหนี้ และวิธีลดอัตราดอกเบี้ย ตามลำดับ พบว่าวิธีการปรับโครงสร้างหนี้สินเชื่อโครงการที่อยู่อาศัยของเจ้าหนี้ทั้ง 3 ราย ส่วนใหญ่ใช้วิธีการปรับโครงสร้างหนี้ประมาณ 3 หรือ 4 วิธี คือ 1. วิธีขยายระยะเวลาชำระหนี้ 2. วิธีลดหนี้เงินต้น-ดอกเบี้ย 3. วิธีลดอัตราดอกเบี้ย 4. วิธีปลอดภาระหนี้ จากแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทย 11 วิธี และการปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าวเป็นการใช้ร่วมกัน เมื่อเปรียบเทียบแล้วเห็นว่า การปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าวมีประเด็นที่แตกต่างกันคือ วิธีลดหนี้ เงินต้น-ดอกเบี้ย และวิธีลดดอกเบี้ย เป็นวิธีการที่ให้ความสำคัญกับเรื่องลดภาระหนี้ของลูกหนี้เป็นเกณฑ์ แต่วิธีการขยายระยะเวลาชำระหนี้ วิธีปลอดภาระหนี้ และวิธีปรับหนี้ระยะสั้นเป็นระยะยาว ให้ความสำคัญกับเงื่อนไขการชำระหนี้ ซึ่งประเด็นที่เสนอมาสอดคล้องกับ วิธีการปรับโครงสร้างหนี้สินเชื่อโครงการที่อยู่อาศัย