Abstract:
ในช่วง 20 ปีมานี้ มีงานวิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไลเคนพลานัสกับการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี โดยคณะผู้ทำการศึกษาหลายคณะ ซึ่งผลการวิจัยมีความแตกต่างกัน โดยมีทั้งพบความสัมพันธ์และไม่พบความสัมพันธ์ของโรคทั้งสอง นอกจากนี้ปัจจัยทางภูมิศาสตร์เกี่ยวกับความชุกของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี ในแต่ละประเทศน่าจะมีผลต่อความชุกของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี ในผู้ป่วยไลเคนพลานัส การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบอัตราความชุกของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี โดยการหาแอนติบอดีต่อไวรัสตับอักเสบ ซี และ HCV-RNA ระหว่างกลุ่มผู้ป่วยไลเคนพลานัสในช่องปาก 60 คน และกลุ่มควบคุมที่ไม่เป็นไลเคนพลานัสในช่องปาก 60 คน โดยจับคู่เพศและอายุให้ใกล้เคียงกันกับกลุ่มผู้ป่วยไลเคนพลานัสในช่องปากผลการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยไลเคนพลานัสในช่องปากจำนวน 5 ราย (ร้อยละ 8.33) ตรวจพบการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี โดยตรวจพบทั้งแอนติบอดีต่อไวรัสตับอักเสบ ซี และ HCV-RNA ในซีรั่มของผู้ป่วยไลเคนพลานัสในช่องปาก 3 ราย ตรวจพบเฉพาะแอนติบอดีต่อไวรัสตับอักเสบ ซี แต่ไม่พบ HCV-RNA ในซีรั่มของผู้ป่วยไลเคนพลานัสในช่องปาก 1 ราย และตรวจพบเฉพาะ HCV-RNA โดยที่ไม่พบแอนติบอดีต่อไวรัสตับอักเสบ ซี ในซีรั่มของผู้ป่วยไลเคนพลานัสในช่องปาก 1 ราย ในขณะเดียวกันไม่พบการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี ในกลุ่มควบคุม ดังนั้นการศึกษานี้จึงพบความชุกของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี เพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มผู้ป่วยไลเคนพลานัสในช่องปากอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p=.029) อย่างไรก็ตามกลไกในการอธิบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของโรคทั้งสองยังไม่ทราบแน่ชัด จึงต้องมีการศึกษาเพิ่มขึ้นเพื่อตอบปัญหาดังกล่าว