Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาและวิเคราะห์นัยของรายงานความเห็นของคณะผู้พิจารณาในคดี United States-Section 301-310 of the Trade Act of 1974 ว่าจะมีผลเป็นการลดหรือหยุดการใช้มาตรการตอบโต้ฝ่ายเดียวที่สหรัฐอเมริกาปฏิบัติต่อประเทศคู่ค้า ได้หรือไม่ จากการศึกษารายงานความเห็นของคณะผู้พิจารณาในคดีดังกล่าว พบว่า หากพิจารณาในเบื้องต้น บทบัญญัติของกฎหมายการค้าของสหรัฐอเมริกา ค.ศ. 1974 นั้น มีลักษณะเป็นการสงวนสิทธิให้ผู้แทนการค้ากระทำการที่ไม่สอดคล้องกับพันธกรณีในข้อ 23.2(a), (c) ของความเข้าใจว่าด้วยกฎเกณฑ์และกระบวนการในการระงับข้อพิพาท (Understanding on Rules and Procedures Governing the Settlement of Dispute: DSU) แต่เมื่อได้พิจารณาถึงคู่มือการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ (Statement of Administrative Action : SAA) หรือ คู่มือฯ ซึ่งออกโดยสภาคองเกรสของสหรัฐ มีผลบังคับให้ผู้แทนการค้าของสหรัฐจะต้องใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้าในทางเคารพต่อพันธกรณีของสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยแล้ว พบว่า บทบัญญัติตามคู่มือฯ มีผลเป็นการแก้ไขสภาพความไม่สอดคล้องต่อพันธกรณีของสหรัฐได้อย่างเพียงพอแล้ว ดังนั้น คณะผู้พิจารณาจึงมีคำวินิจฉัยว่า มาตรา 304 - 306 ของกฎหมายการค้าของสหรัฐอเมริกา ไม่ขัดต่อพันธกรณีของข้อ 23.2(a) และ(c) แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม คณะผู้พิจารณาในคดีนี้มิได้วินิจฉัยในประเด็นที่ว่า การที่สหรัฐอเมริกาประกาศบัญชีรายการตอบโต้ทางการค้า (retaliation list) ซึ่งมิได้มีบัญญัติไว้ในกฎหมายการค้า อีกทั้งมิได้วินิจฉัยว่า กรณีที่สหรัฐอเมริกามีคำวินิจฉัยฝ่ายเดียวว่าประเทศฝ่ายแพ้คดีมิได้ปฏิบัติตามคำแนะนำหรือคำสั่งของคณะผู้พิจารณา และยื่นคำขอระงับสิทธิประโยชน์หรืองดปฏิบัติตามพันธกรณีตามข้อ 22.6 โดยไม่ผ่านกระบวนการวินิจฉัยถึงความสมบูรณ์ในการปฏิบัติตามคำแนะนำหรือคำสั่งของประเทศฝ่ายแพ้คดีตามความในข้อ 21.5 ของความเข้าใจฯ นั้นขัดต่อพันธกรณีหรือไม่ ด้วยเหตุที่คณะผู้พิจารณามิได้มีคำวินิจฉัยที่ชัดเจน และประเด็นกฎหมายว่าด้วยความถูกต้องในการใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้ายังมีความคลุมเครืออยู่นี้ ทำให้สหรัฐอเมริกายังมีโอกาสใช้มาตรการฝ่ายเดียวเพื่อตอบโต้หรือกดดันประเทศคู่ค้าได้ต่อไป ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหากรณีที่ประเทศไทยและประเทศอื่นๆ อาจได้รับผลกระทบจากมาตรการตอบโต้ทางการค้าดังกล่าว ผู้เขียนจึงเสนอให้ประเทศไทยเสนอเรื่องนี้ต่อคณะมนตรีทั่วไป (General Council) ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนของประเทศสมาชิกทุกประเทศในองค์การการค้าโลก เพื่อขอแก้บทบัญญัติในความเข้าใจฯ ให้ระบุลำดับก่อน-หลังในการดำเนินกระบวนการในข้อ 21.5 และ 22.6 ให้ชัดเจน