Abstract:
ศึกษาหาวิธีการในการกำหนดเขตการจัดการทางสายตา (Visual management zone) ของเกาะช้าง โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างอาคาร ความสามารถในการดูดซับสิ่งแปลกปลอมทางสายตา และระดับการพัฒนาที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ เพื่อเสนอเขตการจัดการทางสายตา และแนวทางในการวางแผนจัดการ ควบคุมการพัฒนาในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวเกาะช้าง พื้นที่ศึกษาครอบคลุมหาดทรายขาว แหลมไชยเชษฐ์ หาดคลองพร้าวและหาดไก่แบ้ โดยจำแนกออกเป็นหน่วยพื้นที่ (Unit of analysis) ต่างๆ 4 หน่วยด้วยกัน แล้วสร้างภาพจำลองของการพัฒนาที่มีความแตกต่างกัน ทั้งความหนาแน่น (FAR) ความสูง สีและวัสดุ รูปแบบสถาปัตยกรรม แล้วนำไปประเมินการยอมรับได้และความชอบของภาพจำลองที่มีลักษณะของการพัฒนา ที่ต่างกัน โดยการสัมภาษณ์กลุ่มประชากรเป้าหมาย 4 กลุ่ม ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่มีการยอมรับและความชอบในการพัฒนา ที่สัมพันธ์กับลักษณะในการพัฒนาเช่น มีความหนาแน่น (FAR) น้อย ความสูงของอาคารไม่เกิน 1-3 ชั้น ใช้สีและวัสดุที่เป็นสีธรรมชาติ และมีรูปแบบสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น ทั้งนี้การยอมรับและความชอบในการพัฒนา มีความสัมพันธ์กับลักษณะส่วนตัวของผู้ตอบแบบสอบถามด้วย โดยพบว่าคนส่วนใหญ่จะยอมรับการพัฒนาได้ไม่เท่ากันในแต่หน่วยละพื้นที่ แสดงว่าสภาพที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ เช่น ความลาดชัน พืชพรรณ สภาพการพัฒนา สถาปัตยกรรม ทำให้มีความสามารถในการดูดซับสิ่งแปลกปลอมทางสายตาต่างกัน จึงควรมีการควบคุมการพัฒนาแตกต่างกันในแต่ละเขตการจัดการทางสายตา
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยในเรื่องของความงาม ความเด่นชัดของคุณลักษณะของทางภูมิทัศน์ตามธรรมชาติ ทัศนคติ ประสบการณ์ในการเคยไปเกาะช้างและวัตถุประสงค์ในการไปเยี่ยมเกาะช้าง ที่มีผลต่อการยอมรับและความชอบในการพัฒนาด้วย ผลจากการศึกษาครั้งนี้แบ่งเขตการจัดการทางสายตาของเกาะช้างในพื้นที่ศึกษา เป็น 5 เขต คือ เขตที่ 1 มีความหนาแน่นมาก อาคารสูงได้ถึง 3 ชั้น สีและวัสดุเป็นสีธรรมชาติ รูปแบบสถาปัตยกรรมแตกต่างกันในแต่ละหน่วยพื้นที่ เขตที่ 2 มีความหนาแน่นปานกลาง อาคารสูงแตกต่างกันในแต่ละหน่วยพื้นที่แต่ไม่เกิน 8 ชั้น สีและวัสดุเป็นสีธรรมชาติ รูปแบบสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น เขตที่ 3 มีความหนาแน่นน้อย อาคารสูงไม่เกิน 2 ชั้น สีและวัสดุเป็นสีธรรมชาติ รูปแบบสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น เขตที่ 4 ควรปลูกพืชพรรณลดการรบกวนทางสายตา ไม่ควรสร้างอาคาร และเขตที่ 5 ไม่ควรสร้างอาคาร ให้รักษาสภาพธรรมชาติไว้