Abstract:
วัตถุประสงค์: เพื่อทดสอบความแข็งแรงดัดขวางสองแกนของวัสดุอินซีแรมและวัสดุไอพีเอสเอมเพรส 2 ที่มีอัตราส่วนความหนาของชั้นคอร์และวีเนียร์แตกต่างกัน วัสดุและวิธีการ: ทำการขึ้นรูปชิ้นทดสอบเซรามิกทั้งสองชนิด เป็นแผ่นกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 15 มม. หนา 1.2 มม. ตามคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิตชนิดละ 50 ชิ้น แต่ละชนิดแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มตามอัตราความหนาของส่วนคอร์ต่อวีเนียร์ กลุ่มละ 10 ชิ้น ดังนี้ กลุ่มที่ 1 = 1.2 : 0 กลุ่มที่ 2 = 0.8 : 0.4 กลุ่มที่ 3 = 0.6 : 0.6 กลุ่มที่ 4 = 0.4 : 0.8 กลุ่มที่ 5 = 0 : 1.2 นำชิ้นตัวอย่างทั้งหมดมาทดสอบหาความแข็งแรงดัดขวางสองแกนตามมาตรฐาน ISO 6872 ปี ค.ศ. 1995 โดยใช้เครื่องทดสอบสากลด้วยความเร็วหัวกด 1 มม./นาที ผลการศึกษา: ค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของแต่ละกลุ่มมีดังนี้ กลุ่มที่ 1 = 433.06 +- 68.37 กลุ่มที่ 2 = 338.90 +- 22.56 กลุ่มที่ 3 = 294.43 +- 15.19 กลุ่มที่ 4 = 259.94 +- 14.53 กลุ่มที่ 5 = 56.59 +- 10.54 กลุ่มที่ 6 = 288.31 +- 44.64 กลุ่มที่ 7 = 246.34 +- 28.16 กลุ่มที่ 8 = 258.63 +- 27.87 กลุ่มที่ 9 = 226.59 +- 26.37 และ กลุ่มที่ 10 = 68.56 +- 5.52 MPa ตามลำดับ จากการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติโดยใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนและการทดสอบแบบแทมเฮน พบว่า อินซีแรมทั้งชิ้นมีค่าความแข็งแรงดัดขวางสองแกนสูงกว่าแบบที่เคลือบวีเนียร์ โดยเมื่อความหนาของชั้นคอร์ลดลงค่าความแข็งแรงดัดขวางสองแกนจะลดลงตามลำดับอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.05) ส่วนไอพีเอสเอมเพรส 2 ทั้งชิ้นมีค่าความแข็งแรงดัดขวางสองแกนแตกต่างจากไอพีเอสเอมเพรส 2 แบบที่เคลือบวีเนียร์อย่างไม่มีนัยสำคัญ โดยแม้ว่าความหนาของชั้นคอร์ลดลงค่าความแข็งแรงดัดขวางสองแกนจะไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.05) สรุป: อัตราส่วนคอร์และวีเนียร์มีผลต่อค่าความแข็งแรงดัดขวางสองแกนของอินซีแรม แต่ไม่มีผลต่อไอพีเอสเอมเพรส 2