Abstract:
ศึกษาความมีประสิทธิผลของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานต่อผลตอบแทนของหุ้นในอนาคต โดยศึกษาข้อมูลจากงบการเงินของบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วงปี พ.ศ. 2545 ถึง พ.ศ. 2547 ยกเว้นกลุ่มธุรกิจธนาคาร ธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ ธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิต บริษัทในกลุ่มวัสดุก่อสร้างและเครื่องตกแต่ง บริษัทในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ บริษัทที่อยู่ในระหว่างการฟื้นฟูกิจการ และโครงการจัดการลงทุน การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ ปัจจัยพื้นฐานด้านการเงินประกอบด้วยตัวแปร 14 ตัวแปร และปัจจัยพื้นฐานด้านการเติบโตของบริษัท ประกอบด้วยตัวแปร 3 ตัวแปร จากปัจจัยพื้นฐานทั้งสองกลุ่ม นำมาพิจารณาให้ค่าคะแนนปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งค่าคะแนนของปัจจัยพื้นฐานด้านการเงินคือ F_Score และค่าคะแนนปัจจัยพื้นฐานด้านการเติบโตของบริษัทคือ G_Score จากนั้นแบ่งกลุ่มบริษัทออกเป็นกลุ่มบริษัทที่มีคะแนนปัจจัยพื้นฐานสูง กลาง และต่ำ ตามคะแนนปัจจัยพื้นฐานที่ได้ เพื่อทดสอบว่ากลุ่มบริษัทที่มีคะแนนปัจจัยพื้นฐานสูงมีอัตราผลตอบแทนมากกว่า กลุ่มบริษัทที่มีคะแนนปัจจัยพื้นฐานต่ำหรือไม่ ผลการทดสอบสมมติฐาน ณ ระดับความเชื่อมั่นที่ 95% พบว่า ในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านการเงินของบริษัท กลุ่มบริษัทที่มีคะแนนปัจจัยพื้นฐานด้านการเงินสูง มีอัตราผลตอบแทนของหุ้นเฉลี่ยมากกว่ากลุ่มบริษัทที่มีคะแนนปัจจัยพื้นฐานด้านการเงินต่ำ แต่สำหรับปัจจัยพื้นฐานด้านการเติบโตของบริษัท กลุ่มบริษัทที่มีคะแนนปัจจัยพื้นฐานด้านการเติบโตทางบริษัทสูง ไม่ได้มีอัตราผลตอบแทนของหุ้นเฉลี่ย มากกว่ากลุ่มบริษัทที่มีคะแนนปัจจัยพื้นฐานด้านการเติบโตของบริษัทต่ำ ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากช่วงระยะเวลาที่นำมาศึกษา เป็นช่วงที่นักลงทุนให้ความสำคัญกับความมีเสถียรภาพทางการเงิน มากกว่าการเติบโตของกิจการ