Abstract:
การศึกษาในครั้งนี้ใช้แบบจำลอง Markov regime switching ในการอธิบายผลกระทบจากการประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ต่อความผันผวนของตลาดตราสารหนี้ไทย เพื่อทราบผลกระทบจากการดำเนินนโยบายการเงินผ่านเครื่องมือทางการเงิน อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะเวลา 14 วัน (RP 14 วัน) อันจะนำไปสู่การช่วยตัดสินใจและการคาดการณ์ของนักลงทุนในตราสารหนี้ไทย ในภาวะเศรษฐกิจช่วงความผันผวนของการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทั้งนี้ยังได้ศึกษาการชี้นำของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ว่ามีผลชี้นำต่อตลาดตราสารหนี้ไทยหรือไม่ จากการทดสอบกลุ่มตราสารหนี้ตัวอย่าง ได้แก่ ตราสารหนี้ระยะสั้น ตั๋วเงินคลังระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี และตราสารหนี้ระยะยาว พันธบัตรรัฐบาลระยะเวลา 10 ปี โดยใช้ข้อมูลตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2545-2549 รวมทั้งสิ้น 5 ปี พบว่า ตราสารหนี้ระยะยาว พันธบัตรรัฐบาลระยะเวลา 10 ปี มีนัยสำคัญทางสถิติในช่วงอัตราดอกเบี้ยคงที่ ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจมีความผันผวนต่ำ แต่ไม่พบนัยสำคัญทางสถิติของตราสารหนี้ระยะยาวในช่วงความผันผวนสูง ที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย อาจเนื่องจากในช่วงความผันผวนต่ำ อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มคงที่ส่งผลถึงอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว ที่ให้ผลตอบแทนสูงตามความเสี่ยงที่อาจะเกิดขึ้นตลอดระยะเวลาการถือครอง ทำให้นักลงทุนหันมาถือครองตราสารหนี้ระยะยาวเพิ่มมากขึ้น
แต่ทั้งนี้ในตราสารหนี้ระยะสั้น ตั๋วเงินคลังระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี พบว่า มีนัยสำคัญทางสถิติในทั้งสองช่วงเวลาความผันผวน แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร นักลงทุนต่างให้ความสนใจกับตราสารหนี้ระยะสั้น ส่วนผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐอเมริกานั้น ยังไม่พบผลกระทบที่ชัดเจนต่อตลาดตราสารหนี้ไทย อาจเนื่องมาจาก ตลาดตราสารหนี้ไทยเป็นช่องทางการระดมเงินทุนที่สำคัญของธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้นักลงทุนให้ความสำคัญกับเครื่องมือทางการเงิน ของธนาคารแห่งประเทศไทยมากกว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา แต่ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกามีส่วนชี้นำทิศทางการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของตลาดเงินทั่วโลก