Abstract:
ศึกษาภาพรวมโครงสร้างอุตสาหกรรมรถยนต์นั่งขับเคลื่อน 4 ล้อในประเทศไทย นโยบายรัฐบาล รวมถึงปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการบริโภครถยนต์นั่งขับเคลื่อน 4 ล้อในกรุงเทพมหานคร โดยมีขอบเขตการศึกษาคือ รถยนต์นั่งขับเคลื่อน 4 ล้อที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร การศึกษาในส่วนของโครงสร้างตลาดรถยนต์นั่งขับเคลื่อน 4 ล้อในประเทศไทย โดยใช้การวัดค่าอัตราการกระจุกตัว และดัชนีเฮอร์ฟินดัล ร่วมกับการวิเคราะห์เชิงพรรณา พบว่า อุตสาหกรรมรถยนต์นั่งขับเคลื่อน 4 ล้อในประเทศไทยมีลักษณะใกล้เคียงอุตสาหกรรมผู้ขายน้อยราย (Oligopoly) ซึ่งตลาดถูกผูกขาดโดยกลุ่มผู้นำตลาดเพียงไม่กี่รายคือ ฟอร์ด ฮอนด้า และมาสด้า ซึ่งทั้ง 3 รายมีส่วนแบ่งตลาดรวมกันเกินกว่า 67% การศึกษาด้านนโยบายรัฐบาลพบว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ในปี 2547 ทำให้กลุ่มผู้ผลิตรถกระบะดัดแปลงได้เปรียบมากขึ้นเนื่องจากเสียภาษีเพิ่มขึ้นอีก 2% ในขณะที่กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์นั่งขับเคลื่อน 4 ล้อต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นอีก 6%-21% ตามขนาดเครื่องยนต์ นอกจากนี้การจัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ค่อนข้างสูง ส่งผลให้ผู้ประกอบการที่ไม่ได้ผลิตรถยนต์ในประเทศไทยหรือประเทศที่ได้ลดหย่อนภาษีจะสูญเสียความสามารถในการแข่งขันไป ที่กลุ่มผู้นำตลาด ทั้งฟอร์ด ฮอนด้า และมาสด้า มีศักยภาพในการแข่งขันกว่า เนื่องจากไม่ต้องแบกรับภาษีทำให้สามารถขายได้ในราคาถูกกว่า ส่วนนโยบายด้านอื่นๆ ของรัฐบาลไม่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์นั่งขับเคลื่อน 4 ล้อมากนัก
การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการบริโภคด้วยแบบจำลอง Binominal Logit Model พบว่า ปัจจัยทางเศรษฐกิจซึ่งในที่นี้ได้แก่ รายได้ ราคารถ และค่าน้ำมันเฉลี่ยต่อปี มีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจเลือกรถยนต์นั่งขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซลอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยเมื่อรายได้ และค่าน้ำมันเฉลี่ยต่อปีเปลี่ยนแปลงไป 1 หน่วย (1 หมื่นบาทต่อเดือน และ 1 หมื่นบาทต่อปี ตามลำดับ) จะทำให้ความน่าจะเป็นผู้บริโภคที่จะซื้อรถยนต์นั่งขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีเครื่องยนต์เบนซินเปลี่ยนแปลงในทิศทางเดียวกัน 5.05% และ 6.96% ตามลำดับ และถ้าราคารถเปลี่ยนแปลงไป 1 แสนบาท จะทำให้ความน่าจะเป็นผู้บริโภคที่จะซื้อรถยนต์นั่งขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีเครื่องยนต์เบนซินเปลี่ยนแปลงในทิศทางตรงกันข้าม 2.52% ในขณะที่ปัจจัยทางสังคม มีเพียงงานอดิเรกเท่านั้นมีผลต่อการตัดสินใจอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยถ้าผู้บริโภคมีงานอดิเรกคือการท่องเที่ยวต่างจังหวัด และปรับแต่ง/เช็คสภาพเครื่องยนต์ จะทำให้ความน่าจะเป็นที่ผู้บริโภคซื้อรถยนต์นั่งขับเคลื่อน 4 ล้อเครื่องยนต์เบนซินลดลง 21.8% และ 33.73% ตามลำดับ ในขณะตัวแปรอิสระเชิงสังคมอื่นๆ ไม่ได้มีผลต่อค่าความน่าจะเป็นในการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์นั่งขับเคลื่อน 4 ล้อตามชนิดเครื่องยนต์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติแต่อย่างใด