Abstract:
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการพยาบาลระบบสนับสนุนและให้ความรู้ ต่อพฤติกรรมการดูแลเด็กของมารดาและการดูแลตนเองของเด็กวัยเรียน โรคธาลัสซีเมีย กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ป่วยและมารดาเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย อายุระหว่าง 7-12 ปี ที่มารับบริการที่คลินิกโรคเลือดแผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลหาดใหญ่ จำนวน 40 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม อย่างละ 20 คน โดยทำการจับคู่ (Matching) กลุ่มตัวอย่างให้มีลักษณะ เพศและอายุของเด็กให้เหมือนกัน กลุ่มควบคุมได้รับการพยาบาลตามปกติ ส่วนกลุ่มทดลองได้รับการพยาบาลระบบสนับสนุนและให้ความรู้ เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินการทดลอง การพยาบาลระบบสนับสนุนและให้ความรู้ ซึ่งประกอบด้วย แผนการพยาบาลระบบสนับสนุนและให้ความรู้ต่อพฤติกรรมการดูแลเด็กของมารดาและการดูแลตนเองของเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย ภาพพลิกสีเรื่องโรคธาลัสซีเมียและการดูแลตนเอง และคู่มือขาวดำเรื่องการดูแลตนเองโรคธาลัสซีเมีย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ
แบบวัดพฤติกรรมการดูแลเด็กของมารดาและดารดูแลตนเองของเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย สร้างขึ้นโดยอาศัยแนวคิดทฤษฎีการดูแลตนเองของ Orem (1995) ได้รับการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิและหาค่าความเที่ยง โดยใช้สูตรสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค ได้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาครอนบาคเท่ากับ .82 และ .80 ตามลำดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและสถิติทดสอบที ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. พฤติกรรมการดูแลเด็กของมารดาเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย ภายหลังได้รับการพยาบาลระบบสนับสนุนและให้ความรู้ ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2. พฤติกรรมการดูแลเด็กของมารดาเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมียที่ได้รับการพยาบาลระบบสนับสนุนและให้ความรู้ ดีกว่ากลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. พฤติกรรมการดูแลตนเองของเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมียภายหลังได้รับการพยาบาลระบบสนับสนุนและให้ความรู้ ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4. พฤติกรรมการดูแลตนเองของเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมียที่ได้รับการพยาบาลระบบสนับสนุนและให้ความรู้ ดีกว่ากลุ่มที่ไดรับการพยาบาลตามปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05